หอการค้าไทยเสนอรัฐ “เปิดเมืองปลอดภัย”

.นำร่องทำ “กรุงเทพ แซนด์บ็อกซ์” กับกิจการค้าปลีก
.พนักงาน-ผู้บริโภคต้องฉีดวัคซีนแล้วหรือตรวจไม่พบเชื้อ
.เอกชนจับมือศบค.-สธ.ทำมาตรฐานปลอดภัยของกิจการ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พร้อมคณะที่ปรึกษา เพื่อหารือถึงแนวทาง และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในการผ่อนคลายให้ผู้ประกอบการกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าต่อ และกลับมาเปิดประเทศได้

“ได้หารือกันถึงการผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ควบคู่กับการแพร่ระบาดที่ยังมีมากอยู่ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ โดยคณะเปิดเมืองปลอดภัย Business Resume ของหอการค้าไทย จะนำแนวทางที่ใช้ผ่อนคลายกิจการต่างๆ เมื่อปีที่แล้ว คือ กิจการสีขาว เขียว เหลือง แดง มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการแพร่ระบาดปัจจุบัน ที่มีสายพันธุ์เดลต้า พร้อมกับนำเรื่อง Covid Status Check เข้ามาใช้ เพื่อตรวจสอบว่า ทั้งกิจการ สถานประกอบการ และประชาชนผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการในกิจการที่จะเปิด มั่นใจในการเข้ามาใช้บริการ และเข้ามาทำงาน”

สำหรับข้อเสนอการเปิดเมืองปลอดภัย เพื่อการเปิดธุรกิจนั้น เบื้องต้น หอการค้าไทย เสนอ 3 แนวทางคือ 1.กำหนดมาตรฐานและมาตรการของแต่ละกลุ่มธุรกิจ โดยแบ่งเป็น ภาคการค้าบริการ และภาคการผลิต โดยภาคเอกชน จะจัดทำมาตรฐาน กระบวนการป้องกัน กระบวนการรักษาความสะอาด ร่วมกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบค.) และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่ยอมรับได้ และให้ธุรกิจเดินหน้าได้

โดยมาตรการด้านความปลอดภัยที่จะดำเนินการ เช่น SHA + (แนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานภาคสมัครใจสำหรับผู้ประกอบการ หรือข้อกำหนดเบื้องต้นที่สถานประกอบการพึงมี เพื่อป้องกันโควิด-19 ตามมาตรการด้านสาธารณสุข), คู่มือสำหรับสถานประกอบการ โดยแยกเป็นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ซึ่งจะมีทั้งมาตรการควบคุมหลัก และมาตรการควบคุมเสริม เช่น ข้อปฏิบัตด้านการจัดเตรียมสถานที่ ข้อปฎิบัติของพนักงาน ข้อปฎิบัติในการคัดกรองผู้ใช้บริการ ข้อปฎิบัติระหว่างใช้บริการ, แบ่งกิจการที่จะเปิดตามประเภทต่างๆ เช่น กิจการค้าปลีกค้าส่ง ร้านอาหาร ตลาด กีฬาและสันทนาการ การขนส่ง กิจการอื่นๆ เช่น ร้านตัดผม เป็นต้น

2.ใช้ระบบ Digital Health Pass ในการตรวจสอบประชาชนที่จะเข้ามาให้บริการ และมาใช้บริการในกิจการต่างๆ ว่า ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือตรวจหาเชื้อโควิดแบบ Rapid Test หรือใช้ชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (ATK) หรือไม่ โดยจะเชื่อมข้อมูลของประชาชน กับกระทรวงสาธารณสุข เช่น หมอพร้อม หรือ MOPH IC (ฐานข้อมูลกลางของกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวกับการให้บริการวัคซีนทั่วประเทศ) เพื่อยืนยันและคัดแยกว่า ประชาชนนั้น ไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ แต่สิ่งสำคัญคือ ข้อมูลจะต้องมีความน่าเชื่อถือ

3. ทดลองการเปิดเมืองปลอดภัยในกรุงเทพฯก่อน หรือทำกรุงเทพ แซนด์บ็อกซ์ (Bangkok Sandbox) โดยสามารถทดลองจากกลุ่มค้าปลีก ที่มีความพร้อม และประชาชนที่ฉีดวัคซีนในระบบไทยร่วมใจ ที่เชื่อมข้อมูลกับหมอพร้อม ก่อนจะขยายผลไปยังกิจการอื่นๆ

สำหรับคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่หารือร่วมกับหอการค้าไทย ประกอบด้วย นายไกรฤทธิ์ อุขกานนท์ชัย, นายประสัณห์ เชื้อพานิช, นายปิติ ตัณฑเกษม, นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร, นายรุ่งโรจน์ รังสีโยภาส, นายวิรไท สันติประภพ, นายสมคิด จิรานันตรัตน์, ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง