หอการค้าไทยสุดทน! โควิด-19 ยังรุนแรงหนัก

.เตรียมทำหนังสือถึง “พล.อ.ประยุทธ์” สัปดาห์นี้

.เสนอแนวทางใหม่หยุดคนไทยแพร่เชื้อ-ติดเชื้อ

.ล็อกดาวน์ 29 จังหวัดเศรษฐกิจเจ๊ง 3-4 แสนล้าน/เดือน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ หอการค้าไทย และเครือข่ายภาคเอกชน จะทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดเสริมจากการทำงานของรัฐบาล หลังจากการแพร่ระบาดในประเทศ ยังรุนแรงต่อเนื่อง เพราะไวรัสสายพันธ์ุกลายพันธ์ุ คือ เดลตา ที่ติดง่ายขึ้น ระบาดในประเทศ และยังเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่การฉีดวัคซีนยังล่าช้า ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาคเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติครั้งนี้

โดยผู้ประกอบการจะทำ “บับเบิล แอนด์ ซีล” (Bubble and Seal) สำหรับพนักงานในสถานประกอบการ ทั้งบริษัท โรงงาน โดยจะตรวจหาเชื้อให้พนักงาน โดยใช้ชุดตรวจโควิด (Antigen Test Kit หรือ ATK) หากไม่ติดเชื้อ จะมีมาตรการดูแล ทั้งกรณีทำงานที่บ้าน และจัดหาสถานที่ให้พักในโรงงาน หรือในบริษัท เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทาง ป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม

ส่วนรายที่พบการติดเชื้อ และเป็นกลุ่มสีเขียว หรือมีอาการไม่รุนแรง จะร่วมมือกับโรงพยาบาลใกล้เคียงกับสถานประกอบการ หรือโรงพยาบาลภายใต้ ม.33 และโรงแรม จัดทำที่พักให้เป็นแบบการแยกกัก (Isolation) เพื่อให้มีศูนย์กลางในการดูแลให้เหมาะสม มีทีมแพทย์ ยา และอาหารจัดให้ โดยอาจใช้การตรวจแบบ TeleMedicine  แทนที่พนักงานจะกักตัวที่บ้านเอง ซึ่งยากต่อการดูแล แต่หากอาการรุนแรง หรือเป็นผู้ป่วยสีแดง โรงพยาบาลที่ร่วมมือกัน ต้องรับไว้รักษาด้วย การดำเนินการเช่นนี้ นอกจากป้องกันการแพร่เชื้อออกสู่สาธารณะได้แล้ว ยังทำให้โรงแรมรายกลาง และเล็ก ที่จะร่วมมือกับภาคเอกชน มีรายได้ต่อลมหายใจธุรกิจได้อีก

“ได้ทำความเข้าใจเร่ื่องบับเบิล แอนด์ ซีล กับหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศแล้ว ซึ่งสมาชิกพร้อมดำเนินการ โดยเอาคนงานที่ไมติดเชื้อมากินอยู่ในโรงงาน ลดการเดินทาง และมีมาตรการเข้มงวด แต่ละแผนกต้องคุมเข้ม การจะไปแผนกอื่นจะทำอย่างไร ซึ่งแนวปฏิบัติตรงนี้ ต้องร่วมกับสาธารณสุข เพื่อหยุดการแพร่ระบาด และแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ แม้จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย ก็ต้องยอม ไม่เช่นนั้น ถ้าพนักงานติดหมด ต้องปิดโรงงาน ก็จบ”  

นอกจากนี้ หอการค้าไทย ยังเสนอทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการทำความเข้าใจ วิธีการป้องกัน รวมถึงแนวทางการดำเนินการ สำหรับผู้ประกอบการและประชาชน ให้เข้าใจตรงกัน และปฏิบัตตัวให้เหมาะสม ในรูปแบบของพี่ช่วยน้อง ขณะที่เดียวกัน ยังเสนอให้รัฐบาลตรวจหาเชื้อโควิดในประชาชนเชิงรุกมากขึ้น โดยใช้ ATK เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดเชื้อโดยเร็ว แต่ภาคเอกชน ขอให้ภาครัฐจัดหาชุดตรวจโในราคาเหมาะสม ที่เข้าถึงได้ 

นายสนั่น กล่าวต่อถึงการจัดหาวัคซีนว่า หลังจากที่นายกฯได้ประชุมร่วมกับหอการค้าไทย และ 40 ซีอีโอ พลัส ธุรกิจชั้นนำ 40 ราย และให้ขอให้ภาคเอกชนช่วยจัดหาวัคซีนให้ด้วยนั้น ขณะนี้ ภาคเอกชน กำลังช่วยเจรจาจัดหาให้ แต่ต้องการให้ภาครัฐจัดสรรวัคซีนมาให้ศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน 25 แห่งในกรุงเทพฯให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมา จัดสรรน้อยมาก ทำให้ส่วนใหญ่เปิดฉีดได้สัปดาห์ละ 2-3 วัน จากช่วงแรกๆ ฉีดได้วันละ 2,000-3,000 ราย ไม่เช่นนั้น ศูนย์ฉีดคงต้องปิดตัว อย่างสัปดาห์นี้ ปิดแล้วทั้งหมด 

ส่วนการล็อกดาวน์ต่ออีก 2 สัปดาห์ และเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จังหวัด คาดว่า ผลกระทบจะอยู่ที่เดือนละ 300,000-400,000 ล้านบาท และการระบาดไม่น่าจบภายใน 1 เดือน น่าจะไม่ต่ำกว่า 2 เดือน และหาก 3 เดือนยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ เศรษฐกิจไทยจะเสียหายอย่างหนัก และยากจะฟื้นฟู