หอการค้าไทยลั่น“บิ๊กตู่”ย้ำเอกชนไม่ต้องซื้อวัคซีนเองแล้ว

.รัฐมีงบเพียงพอจัดหาได้ครบ 100 ล้านโดสฉีดคนไทย 50 ล้าน

.ลั่นเป็นหน้าที่รัฐและไม่อยากให้เป็นภาระเอกชนที่ซมพิษโควิด

.คาดได้วัคซีนปลายปีนี้-เดินหน้าถก”กทม.” จัดหาสถานที่ฉีดเพิ่มเติม

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าภาคเอกชนจะไม่จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เองหลังจากได้หารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เดิมภาคเอกชนจะจัดซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับพนักงานเอง เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาล และเร่งการฉีดให้เร็วขึ้น แต่ภายหลังจากการหารือกันเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับคนไทยครบได้ทั้งหมดเอง ตามเป้าหมายที่ต้องกรฉีดให้คนไทยได้ 50 ล้านคน หรือ 70% ของประชนฃาชนทั้งประเทศ หรือรวมประมาณ 100 ล้านโดส ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลสามารถจัดหาได้แล้ว 65 ล้านโดส แต่ยังเหลืออีก 35 ล้านโดส แต่ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งว่า สามารถจัดหาในส่วนนี้ได้แล้ว

นอกจากนี้ การจัดหาวัคซีนทางเลือกของภาคเอกชน มีความล่าช้าไปมาก ไม่เร็วอย่างที่หวังไว้ โดยคาดจะนำเข้าได้ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับการนำเข้าของรัฐบาล เพราะทั่วโลกได้จองซื้อไปแล้ว จึงเป็นเรื่องยากที่เอกชนจะจัดหาได้เอง แต่รัฐบาลได้ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อขอซื้อวัคซีนเพิ่มเติมจากที่ได้เจรจาไปก่อนหน้านี้ โดยจะขอให้มีการจัดซื้อให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม เพื่อให้การฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เร็วขึ้น ดังนั้น จึงให้การจัดซื้อของรัฐบาลเป็นหลัก และภาคเอกชนให้การสนับสนุนในด้านอื่นแทน 

“วัคซีนทางเลือกที่เอกชนจะจัดซื้อเองนั้น รัฐบาลบอกว่าไม่มีความจำเป็นแล้ว เพราะรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอ และต้องเป็นผู้รับผิดชอบซื้อมาฉีดให้กับประชาชนคนไทย   อีกทั้งการเจรจาเพื่อซื้อวัคซีนของภาคเอกชนไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ แต่กว่าจะได้ก็ไตรมาส 4 ใกล้เคียงกับของรัฐบาล จึงไม่อยากให้ทำงานซ้ำซ้อน และไม่อยากให้เป็นภาระของเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม วันที่ 30 เม.ย.นี้ หอการค้าไทย จะประชุมร่วมกับผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อจัดหาสถานที่ของภาคเอกชนสำหรับกรฉีดวัคซีนเพิ่มเติม“