หอการค้าไทยถก “ชัชชาติ” ผู้ว่าฯกทม.

  • เสนอตั้ง “กรอ.กทม” วางแนวทางพัฒนา กทม.
  • พร้อมเสนอพัฒนา e-Government – Street Food
  • ผู้ว่าฯเด้งรับข้อเสนอ พร้อมดึงคนเก่งช่วยกันทำงาน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำคณะผู้บริหาร กทม. เข้าพบคณะกรรมการหอการค้าไทย และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนกรุงเทพฯในด้านต่างๆ ร่วมกันว่า โดยได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชน ของกรุงเทพมหานคร (กรอ. กทม.) เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน และลดความเหลื่อมล้ำ และร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ของ กทม. เช่น การผลักดันเรื่อง e-Government เพราะจะช่วยลดระยะเวลาการติดต่อราชการของภาคประชาชน และภาคธุรกิจแล้ว โดยเสนอให้นำร่องในบางเรื่องที่ทำได้ก่อน อย่างการติดต่อขอเอกสารต่างๆ ในสำนักงานเขต หรือหน่วยงานในสังกัด กทม. เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเสนอการทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่ และเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ท ซิตี้) ที่เหมาะกับการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจตามแนวทาง Trade & Travel ซึ่งจะช่วยให้เกิดการยกระดับคุณภาพสินค้า และบริการต่างๆ ให้มีมูลค่าสูงขึ้น, เสนอการสร้างระบบนิเวศน์ หรือสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการสร้างและบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่, พัฒนากรุงเทพฯ ในมิติต่างๆ เช่น การพัฒนา Street Food เป็นต้น

พร้อมกันนั้น ยังเสนอโครงการอบรมข้าราชการครูในสังกัดกทม.เพื่อการพัฒนานักเรียนสู่การเป็นพลเมืองโลก รวมถึงเสริมการสอนภาษาจีนให้โรงเรียนสังกัดกทม. 400 กว่าโรงเรียน เพราะเป็นภาษาที่สำคัญมาก, เสนอให้ผู้ว่าฯหารือกับกรมบัญชีกลาง เพื่อทบทวนราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพราะปัจจุบันราคากลางต่ำกว่าราคาตลาดทำให้กระทบต่อหลายโครงการที่ดำเนินการอยู่ หรือกำลังสรรหาผู้รับเหมา ซึ่งราคาที่ต่างกันอาจทำให้ผู้รับเหมาบางรายทิ้งงาน เป็นต้น

ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า แนวทางที่หอการค้าไทยนำเสนอสอดคล้องกับแนวทางของ กทม. ในหลายเรื่อง เช่น การสร้าง e-Government หรือการให้บริการเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One stop service) เพื่ออำนวยความสะดวกของภาคธุรกิจและประชาชน, การสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ฯลฯ โดยแนวทางของ กทม.กำหนดไว้ 3 เรื่อง คือ  การพัฒนาคุณภาพชีวิต, การเสริมสร้างประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำธุรกิจ และการสร้างโอกาสให้ประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

“หัวใจของการทำงานคือต้องฟังเอกชนเยอะๆ ต้องการให้เอกชนเข้ามาร่วมกำหนดยุทธศาสตร์เมือง เห็นด้วยกับการตั้ง กรอ.กทม. ซึ่งจะมีหลายๆ หน่วยงานเข้ามาร่วมกันทำงาน คาดว่า จะตั้งได้ภายใน 2 สัปดาห์ นอกจากนั้น ต้องดึงคนเก่งเข้ามาช่วย จึงจะสร้างเมืองน่าอยู่ได้ ส่วนข้อเสนอเรื่อง Street food น่าสนใจ เพราะเกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชน ซึ่งจะเร่งดำเนินการภายใน 1 เดือน สำหรับข้อเสนอเรื่องครูสอนภาษาจีนนั้น จะช่วยพัฒนาและยกระดับโรงเรียนในสังกัด กทม. ได้มาก”