หลุยส์ วิตตอง แตกไลน์เตรียมเปิดคาเฟ่ ร้านอาหารหรูระยับแห่งแรกที่เมืองโอซาก้า

หลุยส์วิตตอง โอซาก้า

ผู้บริหารวิตตองระบุ ธุรกิจร้านอาหารหรูหรากับโรงแรมมีระดับเป็นอนาคตของบริษัท

LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton บริษัทแบรนด์เนมลักชัวรี่จากฝรั่งเศส เตรียมเปิดคาเฟ่และร้านอาหาร  ภายใต้ชื่อ Le Café V บริเวณชั้นบนสุดของแมนชั่น   Louis Vuitton flagship Maison Osaka Midosuji  ซึ่งเป็นแฟล็กชิพสโตร์ของหลุยส์วิตตองขนาด 4 ชั้นใหม่เอี่ยมภายใต้การออกแบบของสถาปนิกชื่อดัง “จุน อาโอะกิ” ในเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น 

โดยจะเปิดให้บริการเฉพาะมื้อค่ำแก่แขกวีไอพีที่จำกัดจำนวนไม่กี่คนเท่านั้น พร้อมกับเมนูพิเศษจากเชฟชาวญี่ปุ่น “ยูซูเกะ ซูงะ”ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากร้าน Sugalabo ในกรุงโตเกียว มาร่วมเป็นผู้ออกแบบเมนูในครั้งนี้ด้วย

การตกแต่งภายในร้านคุมโทนด้วยสีดำ เทา ตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลและทอง อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ชวนให้นึกถึง LV Monograms พร้อมเซ็ตจานชาม Tableware บนโต๊ะอาหารที่รังสรรค์การออกแบบโดย  “โตคูจิน โยชิโอกะ” ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นที่เคยมีผลงานการออกแบบร่วมกับทางหลุยส์วิตตองมาแล้ว

แฟล็กชิพสโตร์ของหลุยส์วิตตองแห่งนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2020 และร้านอาหารจะเปิดให้บริการในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2020 ใครมีแผนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นเตรียมลงโปรแกรมกันได้

ภาพเรนเดอร์ ของ ร้าน Le Café V Louis Vuitton Maison Osaka Midosuji ที่เมืองโอซาก้า

“ไมเคิล เบอร์เก้” ประธานกรรมการและซีอีโอของ หลุยส์วิตตอง ได้ออกมากล่าวเป็นนัยว่า ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารหรูอาจจะเป็นช่องทางการขยายธุรกิจสร้างรายได้ให้แฟช้่นแบรนด์เนมหรูในอนาคต

ด้าน “ปีเตอร์ มาริโน่” สถาปนิกชื่อดังผู้ออกแบบร้านค้าให้หลุยส์ วิตตอง, ดิออร์ และแฟชั่นแบรนด์เนมหรูอื่นๆ กล่าวว่า เขาอาจจะออกแบบร้านอาหาร “Langosteria” จากประเทศฝรั่งเศส เป็นภัตตาคารซีฟู้ดแบบไฮเอนด์ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ตั้งบนชั้น 7 ในห้าง  La Samaritaine ซึ่งจะมีกำหนดการเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนเมษายน 2020 เป็นโชว์เคสของหลุยส์วิตตองเช่นกัน รวมถึงโรงแรม Cheval Blanc hotel ทั้งสองรูปบบจะมอบประสบการณ์หรูหราให้กับผู้บริโภค 

จากรายงานล่าสุดของ Altagamma Worldwide Luxury Market Monitor โดย Bain & Co. ระบุว่าการใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารหรูเลิศและการรับประทานอาหารชั้นเลิศเพิ่มขึ้น 6% ในปี 2019 ที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวได้แซงหน้าสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมหรูหราส่วนบุคคลซึ่งเพิ่มขึ้น 4% การใช้จ่ายในการล่องเรือที่หรูหราได้รับร้อยละ 9 เครื่องบินไอพ่นส่วนตัวและเรือยอชต์ 5% และไวน์และสุราชั้นเลิศ 5%