“หมอรุ่งเรือง”บอกคนโจมตี”ฟาวิพิราเวียร์”ใช้ข้อมูลเพียงบางส่วน ย้ำ!คกก.MIU เห็นควรใช้ต่อ-ชี้รักษาผู้ป่วยโควิดมีประสิทธิภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่บทความวิจารณ์ประสิทธิภาพของยาฟาวิพิราเวียน์ในการรักษาผู้ป่วนโควิด ว่า เป็นยามาตรฐานต่ำ และ กระทั่งสร้างความสับสนกับประชาชนนั้นทาง นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) และประธานคณะกรรมการ MIU (Ministry of Public Health – Intelligence Unit) กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้….

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) และประธานคณะกรรมการ MIU (Ministry of Public Health – Intelligence Unit) กระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

ความจริง…ยาฟาวิพิราเวียร์ จาก MIU กระทรวงสาธารณสุข “ยังคงสนับสนุนให้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ต่อไป ยามีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 โดยขอให้เน้นการให้ยาที่เร็วขึ้น”

• ตามที่ศูนย์บริหารจัดการภาวะฉุกเฉินฯ กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมาย คณะกรรมการ MIU (Ministry of Public Health – Intelligence Unit) กระทรวงสาธารณสุข ศึกษาทบทวนด้านวิชาการ ข้อมูลยาฟาวิพิราเวียร์

• ตามที่มีการนำข้อมูลเพียงบางส่วน เรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ เช่น สไลด์การนำเสนอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากที่ประชุม คณะกรรมการ MIU กระทรวงสาธารณสุข และได้มีการนำมาเผยแพร่ โดนนำสไลด์มามาตีความและนำเสนอเอง

• ผู้เผยแพร่มิได้นำข้อมูลที่ประชุมทั้งหมด และข้อสรุปการประชุม มาเผยแพร่

• การนำเสนอเพียงบางส่วน ได้สร้างความเข้าใจผิด ก่อให้เกิดความสับสน ต่อสังคมและประชาชน และผู้เผยแพร่ เป็นบุคคลภายนอก มิใช่คณะกรรมการ MIU

ความจริง เรื่องดังกล่าว….คือ

1) ที่ประชุม MIU มีการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ส.ค. 64 และได้เสนอบทสรุปในที่ประชุม ศูนย์บริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน EOC กระทรวงสาธารณสุข เช้า วันพุธ 18 สิงหาคม 64 เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบาย Flavipiravir ดังนี้

1.1) MIU ยังคงสนับสนุนให้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ต่อไป โดยขอให้เน้นการให้ยาที่เร็วขึ้น พบว่า ยามีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ตั้งแต่เริ่มมีอาการภายใน 4 วัน ช่วยลดอาการรุนแรงได้ร้อยละ 30 สอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศ ….

มติที่ประชุม…รับทราบ

1.2) ขอให้มีการ ประเมินประสิทธิผล ข้อพึงระวัง ศึกษาเพิ่มเติม ภายในประเทศ

มติที่ประชุม….มอบกรมการแพทย์และผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ

1.3) ขอให้พิจารณาเรื่องแนวทางเวชปฏิบัติ CPG ทั้งการ ให้ยา Flavipiravir เร็วขึ้น และยาตัวอื่น ที่มีประโยชน์ เช่น ยาพ่น ชนิดที่มี Steroids และยาอื่นๆ

มติที่ประชุม…มอบ กรมการแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องดำเนินการ

2) ในที่ประชุมคณะกรรมการ MIU (Ministry of Public Health – Intelligence Unit) กระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วย ที่ปรึกษาและคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายสาขา

• ในที่ประชุมฯ อ. นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ จากโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะกรรมการ MIU ได้นำเสนอวาระ ข้อเสนอเชิงนโยบายยาฟาวิพิราเวียร์ และอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ให้ข้อเสนอแนะ และสรุป ตามที่ได้เสนอต่อกระทรวงสาธารณสุข ตามข้อ 1

สาระสำคัญที่ที่ประชุม เช่น

• HITAP ได้ทบทวนจากการศึกษาในต่างประเทศ บางรายงานพบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ มีประสิทธิผลในการรักษาโควิด และบางรายงานไม่มีประสิทธิผล ซึ่งประสิทธิผลในการรักษาต้องพิจารณาจากหลายประเด็น เช่น ความรุนแรงของผู้ป่วยโควิด สถานที่การศึกษา เช่น ในหอผู้ป่วยนอก หอผู้ป่วยใน ขนาดและปริมาณยาที่ใช้รักษาที่แตกต่างกัน เป็นต้น และส่วนใหญ่การศึกษาเป็นการเปรียบเทียบกับยาอื่นๆ ที่ใช้รักษาในแต่ละประเทศ

• ข้อมูลการศึกษาที่มีผลเหมือนกันคือ ยาฟาวิพิราเวียร์ มีประสิทธิผลในการลดอาการทางคลินิกใน 7 วัน และ 14 วัน เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ยา ซึ่งสนับสนุนแนวทางการรักษาของไทยที่ปรับปรุงล่าสุด ฉบับที่ 17 ที่เริ่มให้ยาเร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มมีอาการ

• การศึกษาจากหลายสถาบันของไทยในการระบาดระลอกแรกปี 2563 พบว่า หากได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ภายใน 4 วันตั้งแต่เริ่มมีอาการ จะลดความรุนแรงได้ร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลังมีอาการ 4 วัน

• การศึกษาผู้ป่วยเบื้องต้นในประเทศไทย พบว่ากลุ่มที่มีอาการปอดบวมรุนแรงอาการจะดีขึ้นเฉลี่ยภายใน 14 วันส่วนกลุ่มที่ปอดบวมไม่รุนแรงจะดีขึ้นใน 9 วัน การให้ยาเร็ว เข่น การให้ที่จุดรับผู้ป่วย มีประโยชน์ในการลดความรุนแรงของโรค

3) ข้อเสนอเชิงนโยบาย ของ MIU ต่อกระทรวงสาธารณสุข ก่อนหน้านี้ และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะอื่นๆ ได้เสนอให้มีการบริหารจัดการและการสำรองยา ให้เพียงพอ ต่อการระบาด ของโรคโควิด 19 จึงเป็นที่มาการจัดหา และสำรองยาที่ปรากฏในปัจจุบัน

4) กระทรวงสาธารณสุขได้บริหารจัดการสถานการณ์โควิด 19 รวมถึงการใช้สำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ด้วยความถูกต้องเหมาะสม รอบคอบ ภายใต้ข้อแนะนำด้านยุทธศาสตร์และวิชาการ จาก คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีอยู่หลายคณะ และได้มีการบริหารจัดการ ผ่านความเห็นชอบ จาก ศูนย์บริหารจัดการสถานการณ์โควิด 19 ฯ