“หมอยง” เผยโควิด-19 มีแนวโน้มคล้ายไข้หวัดใหญ่ ชี้จากนี้วัคซีนจำเป็นต้องพัฒนาตามสายพันธุ์ที่คาดว่าจะมีการระบาด

  • เผยโควิด-19 เป็นแล้วก็สามารถเป็นอีกได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงหลบหลีกภูมิต้านทาน
  • ชี้แม้ฉีดวัคซีนกันหลายเข็ม ก็ยังเป็นสายพันธุ์เดิม จึงไม่แปลกที่ฉีด 5 – 6 เข็มแล้วก็ยังติดเชื้อ
  • ลั่นวัคซีนรุ่นต่อไปต้องเป็นการพัฒนาวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ให้ทัน
  • เพื่อให้เกิดภูมิต้านทานแบบลูกผสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 มิ.ย.65) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก : Yong Poovorawan โดยมีเนื้อหากล่างถึง… การระบาดของโควิด-19 ความว่า โควิด ลักษณะมีแนวโน้มจะคล้ายไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่มีการระบาดทุกปี สายพันธุ์ก็เปลี่ยนไปทุกปี การฉีดวัคซีนก็ต้องเปลี่ยนตามสายพันธุ์ทุกปี ไข้หวัดใหญ่เป็นแล้วเป็นอีกได้

ไวรัส covid 19 มีแนวโน้มเปลี่ยนสายพันธุ์มาตลอดตั้งแต่สายพันธุ์เดิมอู่ฮั่น มีการเปลี่ยนสายพันธุ์ใหม่เข้ามาแทนที่จากสายพันธุ์ G เป็นสายพันธุ์ Alpha Delta และมาถึง Omicron จาก BA. 1 แทนที่กันมาตลอด และขณะนี้ BA.5 กำลังจะเข้ามาแทนที่ในที่สุด โดยสายพันธุ์เดิมก็จะหายไป

Covid 19 เป็นแล้วก็สามารถเป็นอีกได้ การเปลี่ยนแปลงหลบหลีกภูมิต้านทาน เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปทุกปี ทำให้วัคซีนต้องฉีดทุกปี ตามสายพันธุ์ที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ขณะนี้ที่เราฉีดวัคซีนกันถึงแม้หลายครั้ง ก็ยังเป็นสายพันธุ์เดิม จึงไม่แปลกที่ฉีด 5 – 6 เข็มแล้วก็ยังเป็น

พฤติกรรมของ covid 19 ก็ไม่แตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ วัคซีนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาตามสายพันธุ์ที่คาดว่าจะมีการระบาด

การให้วัคซีนสายพันธุ์เดิม ประสิทธิภาพในการป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรคก็จะน้อยลง

ขณะที่เรามีภูมิต้านทานเป็นทุนเดิม การติดเชื้อถึงแม้จะต่างสายพันธุ์ ความรุนแรงของโรคก็ลดลงมาโดยตลอด

ในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนสายพันธุ์ใหม่มาใช้ในประเทศ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการได้รับวัคซีน ร่วมกับการติดเชื้อโดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน จะเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสม ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดซ้ำ หรือลดความรุนแรงของโรคได้ดีกว่าการได้รับวัคซีนอย่างเดียว

การติดเชื้อจึงเปรียบเสมือนการได้รับวัคซีนในธรรมชาติ แต่จุดอ่อนก็คือ ผู้ที่เปราะบางจะมีความรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้

ดังนั้น วัคซีนในรุ่นต่อไปจะต้องเป็นการพัฒนาวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ให้ทันเพื่อให้เกิดภูมิต้านทานแบบลูกผสมเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ที่มีความจำเป็นให้ในกลุ่มเสี่ยงทุกปีตามสายพันธุ์ที่เปลี่ยนแปลง