“หมอชนะ” แอปที่ทุกคนต้องมี! ยิ่งโหลดเยอะยิ่งช่วยชนะภัยโควิด-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 รัฐบาลจึงได้ออกแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ซึ่งเป็นแอปฯ สำหรับติดตามกลุ่มคนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่อย่างไรก็ตามปัญหาเป็นจำนวนมาก คือ ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ปกปิดข้อมูลการเดินทางที่แท้จริง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นผู้รักษาและช่วยเหลือประชาชนให้พ้นภัยโควิด-19

ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ออกแอป “หมอชนะ” ขึ้นมา ซึ่งเป็นแอปที่ให้ลงทะเบียนโดยไม่ขอข้อมูลส่วนบุคคล ยกเว้นให้ถ่ายภาพตนเอง เพื่อยืนยันเข้าใช้แอปเท่านั้น โดยการทำงานของแอปนี้จะอาศัยเทคโนโลยี GPS และ Bluetooth ติดตามตำแหน่งของผู้ใช้แอป และแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้แอปได้ผ่านพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงมาหรือไม่ ซึ่งจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการวางแผนรักษาโควิด-19

“หมอชนะ” น้ำหนึ่งใจเดียวกันจากประชาชน เอกชน และรัฐบาล

แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” คือ Contact Tracing Application เป็นความร่วมมือของ 3 ฝ่าย ประชาชน เอกชน และรัฐบาล พัฒนาขึ้นโดยทีมพัฒนาร่วมประชาชน นำโดยกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ ภายใต้ชื่อ “Code for Public” และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ และการวิเคราะห์ข้อมูลภายใต้ชื่อ “กลุ่มช่วยกัน” ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสถาบันการศึกษา เครือข่ายโรงพยาบาลและองค์กรสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรธุรกิจจำนวนมาก พร้อมกับภาครัฐกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม

“หมอชนะ” นั้น ถือเป็นระบบเก็บข้อมูลการเดินทางของประชาชน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบ และประเมินระดับความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 จากสถานที่ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงในการติดเชื้อของประชาชนที่เข้ารับการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว

หลักการทำงานของหมอชนะเพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน จากนั้นแค่เปิด GPS และ Bluetooth ไว้ โดยที่ไม่ต้องทำการ “เช็กอิน” ใดๆ เหมือนอย่างไทยชนะ เมื่อแอปได้ทำการตรวจพบว่าผู้ใช้มีการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง ทางแอปก็จะทำงานและแจ้งเตือนเมื่อพบว่าผู้ใช้งานมีความเสี่ยงติดเชื้อ โดยกลไกเหล่านี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ถือแอปหมอชนะได้รับการแจ้งเตือนได้ทันทีแม้ว่าจะไม่ได้ทำการสแกนเช็กอิน QR Code ของระบบไทยชนะก็ตาม

โดยการแจ้งเตือนนี้จะทำให้ผู้ถือแอปหมอชนะได้ทราบว่าตนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการของตน รวมถึงต้องติดต่อหน่วยงานสาธารณสุขทันทีเพื่อที่จะได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว และป้องกันการแพร่ระบาดไปยังบุคคลรอบข้างด้วย

หมอชนะ มีข้อดีอะไร

สำหรับแอป “หมอชนะ” นั้น ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย และเน้นในการคัดกรองความเสี่ยง โดยไม่ให้กระทบต่อสิทธิเสรีภาพ และข้อมูลส่วนบุคคล การลงทะเบียนใช้แอปจึงเป็นแบบไม่ระบุตัวตน และข้อมูลที่ได้รับทั้งหมดจะส่งตรงถึงมือกรมควบคุมโรค

นอกจากนี้ยังมีคิวอาร์โค้ดค่าสีต่างๆ แบ่งตามระดับความเสี่ยง คือ

  • สีเขียว สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงต่ำมาก ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีอาการ ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
  • สีเหลือง สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงน้อย ซึ่งอาจจะมีอาการไข้หวัด แต่ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
  • สีส้ม สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยง เพราะเป็นคนที่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา แต่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการไม่เด่นชัด คนในกลุ่มนี้ต้องกักตัวอยู่กับบ้านจนครบ 14 วัน พร้อมทั้งเฝ้าระวัง ถ้ามีอาการควรรีบไปโรงพยาบาลทันที
  • สีแดง สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะทั้งมีอาการ และมีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา จะต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที

นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดไม่ให้ผู้ที่มีความเสี่ยงเข้าพื้นที่ปลอดภัยด้วย คิวอาร์โค้ดสี ซึ่งจะได้ข้อมูลย้อนประวัติจริงไม่หลงลืมหรือปกปิด

จุดเด่นของ “หมอชนะ”

1.“หมอชนะ” เป็นแอป ติดตามตัวแบบอัตโนมัติที่มีความปลอดภัยของการคุ้มครองข้อมูล

2.สามารถติดตามผู้ที่มีความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว ในวงกว้างอย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยจะประเมินความเสี่ยงของบุคคลนั้นตลอดเวลา ถ้ารู้ว่าตัวเองเสี่ยงเพิ่มขึ้นจะได้ป้องกันไม่ให้คนที่เรารักรอบๆ ตัวเสี่ยงไปด้วย

3.สามารถติดตามผู้ที่มีความเสี่ยงในกรณีไปยังสถานที่เสี่ยงแต่ไม่ได้เช็คอิน/เอาต์ ระบบ

ส่วนขั้นตอนการติดตั้งก็ไม่ยุ่งยาก เพียงดาวน์โหลดแอปหมอชนะ จากระบบ IOS และ Android และอัพโหลดรูป ตอบคำถามประเมินสุขภาพเบื้องต้นจากกรมควบคุมโรค เปิด GPS & Bluetooth ไว้ ระบบก็พร้อมทำงานและแจ้งเตือนได้ทันทีถ้าพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนของเบอร์โทรศัพท์ ผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะไม่แจ้งตอนติดตั้งแอปได้ นอกจากนี้ ยังไม่ต้องแจ้งชื่อนามสกุลตอนดาวน์โหลด และไม่จำเป็นต้องเช็กอิน-เอาต์

ขณะที่ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ได้เลย ซึ่งจะได้คิวอาร์โค้ดมากกว่า 1 ชุดต่อองค์กร เพื่อให้สามารถเข้าระบบได้หลายช่องทาง