ส.อ.ท.วางเป้าผลิตรถยนต์ปี 65 ที่ 1.8 ล้านคัน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือนธ.ค.64 มีทั้งสิ้น 154,368 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.89 % ส่งผลให้การผลิตรถยนต์รวมตลอดปี 2564 (ม.ค.-ธ.ค.64)มีจำนวนทั้งสิ้น 1,685,705 คันเพิ่มขึ้น 18.12% จากปี 2563 ที่มีทั้งสิ้น 1,427,074 คันซึ่งถือเป็นตัวเลขเกินเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีที่ 1,600,000 คัน ดังนั้นจึงได้ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี 2565 ไว้ที่ 1,800,000 คัน มากกว่าปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 1,685,705 คันหรือ เพิ่มขึ้น 114,295 คัน คิดเป็น 6.78% แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1,000,000 คันคิดเป็น 55.56 %ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 800,000 คัน คิดเป็น 44.45% ของยอดการผลิตทั้งหมด

อย่างไรก็ตามเป้าหมายปี 2565 ที่ 1,800,000 คันแบ่งเป็นผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 1,000,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ผลิตได้ 956,530 คัน เป็นจำนวน 43,470 คัน หรือเพิ่มขึ้น 4.54 % และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 800,000คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ผลิตได้ 729,175 คัน เป็นจำนวน 70,825 คัน หรือเพิ่มขึ้น 9.71% เนื่องจากยังกังวลเรื่องการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยและในต่างประเทศ ซึ่งจะยังคงทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยและของประเทศคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับการผลิตรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศบางแห่งขาดชิ้นส่วนและชิปบางชิ้น ทำให้ต้องชะลอการผลิตบางรุ่นลงชั่วคราว

“ก่อนหน้านี้ที่ตัวเลขการผลิตธ.ค. 64 ยังไม่ออกมาเราคาดการณ์ว่าปี 2565 เราจะผลิตรถยนต์ได้ 1,700,000 -1,800,000 คันแบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 900,000-950,000 คันและจำหน่ายในประเทศ 800,000-850,000 คันแต่เมื่อตัวเลขออกมาชัดเจนว่าเราส่งออกได้ดีขึ้นจึงได้ปรับการส่งออกไปสู่ระดับ 1,000,000 คันแต่ต้องติดตามปัจจัยต่างๆใกล้ชิดโดยเฉพาะสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีนที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนต่างๆ การบริโภคที่หดตัวจากผลกระทบโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ๆทั้งไทยและทั่วโลก ราคาวัตถุดิบ ภาวะการชะงักงันของห่วงโซ่การผลิต เป็นต้น” นายสุรพงษ์กล่าว

สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศธ.ค. 2564 มีทั้งสิ้น 86,145 คัน สูงสุดในรอบ 12 เดือนแต่ยัง ต่ำกว่าปี 2563 เพราะมีปัจจัยลบ 2 อย่างคือการระบาดของโควิด 19 หลายระลอกและการขาดแคลนเซมิคอนดั๊กเตอร์ทำให้ต้องชะลอการผลิตรถยนต์บางรุ่นเป็นระยะ ๆ แต่ทั้งปี 2564 มียอดขาย 759,119 คันสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 750,000 คัน จากการคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาลมากขึ้นและ การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่นโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ยิ่งใช้ยิ่งได้ และการประกันรายได้เกษตรกร เป็นต้น รวมถึงการอนุญาตให้จัดงานมหกรรมยานยนต์ที่มียอดจอง 31,583 คันมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้

การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนธ.ค.64 มีทั้งสิ้น101,307 คัน สูงสุดในรอบ 9 เดือน จากการได้รับเซมิคอนดั๊กเตอร์และชิ้นส่วนมากขึ้นและส่งออกเพิ่มขึ้นทุกตลาด จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้ปี 2564 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 959,194 คัน โดยส่งออกเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ในระยะเวลาเดียวกัน 30.35% มีมูลค่าการส่งออก 561,147.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 คิดเป็น 36.56% และเมื่อรวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ ปี 2564 มีมูลค่า 826,726.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.67% จากปี 2563 ซึ่งมีมูลค่า 591,906.14 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น234,820.69 ล้านบาท