ส.อ.ท.ขอรัฐบาลใช้ช่วงล็อคดาวน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

  • เร่งแก้ปมคนติดเชื้อเกิน9,000คนต่อวัน
  • ไม่สบายใจภาพคนไปนอนรอตรวจเชื้อ
  • วิ่งตีนพลิกให้รายใหญ่ช่วยธุรกิจรายเล็ก

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า การประกาศล็อคดาวน์พื้นที่กรุเททฯ และปริมณฑล ได้แก่ คือ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน เริ่มวันที่ 10 ก.ค.นี้ ส.อ.ท. เห็นว่ารัฐบาลควรที่จะใช้ช่วงจังหวะนี้ ในการเร่งตรวจเชิงรุกเพื่อตรวจหาคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ล็อดดาวน์อย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว เพื่อเร่งควบคุมการแพร่ระบาดที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องวันละหลายพันคน ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ก็พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เพิ่มขึ้นมากที่สุดเกิน 9,000 คน

“รัฐบาลต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาด ให้ได้เร็วที่สุด ต้องเร่งคัดกรอง คัดแยกกลุ่มเสี่ยงออกมาจากกลุ่มคนที่ยังไม่ติดเชื้อ เพราะถ้าปล่อยไว้นานจำนวนผู้ติดเชื้อก็จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้รุนแรงมากขึ้น  อีกทั้งการแพร่ระบาดระลอก3 นี้ผลกระทบรุนแรงมากกว่ารอบที่ผ่านๆ มา และภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลจัดการควบคุมการแพร่ระบาดให้จบเร็วที่สุด”

นอกจากนี้ ส.อ.ท. มีความกังวลใจและไม่สบายใจที่เกี่ยวกับภาพข่าวที่เผยแพร่ออกไปเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ไปรอรับการตรวจหาเชื้อตามจุดต่างๆ ของ พื้นที่ที่จะมีการล็อคดาวน์ หลายๆ แห่งมีผู้คนไปนอนรับการตรวจต่อคิวตรวจแบบข้ามวันข้ามคืน  ที่อาจเป็นการเพิ่มการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ง่ายขึ้น

ดังนั้น ส.อ.ท. ต้องการให้รัฐบาลอนุมัติ หรืออนุญาต ให้มีการนำชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19แบบเร่งด่วน หรือ Rapid Antigen Test เข้ามาใช้ เพื่อลดความแออัดของคนที่ไปรอรับการตรวจ และจะทำให้การตรวจเข้าถึง ทั่วถึง ทุกกลุ่ม ทุกคนมากขึ้นเพราะขณะนี้รัฐบาลยังไม่สามารถฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันหมู่ ที่ได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง จึงต้องเร่งทำให้ได้ตามเป้าหมายโดยไว

ขณะเดียวกัน การล็อคดาวน์รอบนี้รัฐบาล ต้องเพิ่มมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบมากขึ้น เช่น เพิ่มเวลาการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการมากขึ้น เพื่อให้กลุ่มนี้สามารถรักษาอัตราการจ้างงานไว้ได้ รวมทั้งกลุ่มลูกจ้าง ซึ่งจะทำให้ผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์รอบนี้ไม่รุนแรงมาก

นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังอยู่ระหว่างการหารือถึงมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก ที่จะต้องขอความร่วมมือจากกลุ่มบริษัทรายใหญ่ๆ เพื่อให้ภาคธุรกิจทั้งหมดทุกขนาดธุรกิจรอดไปด้วยกันในภาวะที่โควิดยังส่งผลกระทบรุนแรง

#Thejournalistclub #สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย#วัคซีนไทย