ส่งกลับบ้าน!…คมนาคม-ขนส่งทางบกทางบกส่งพี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านช่วงปีใหม่ “เดินทางปลอดภัย ใส่ใจยกกำลังสาม” สร้างความเชื่อมั่นเดินทางอย่างปลอดภัย ลดอุบัติเหตุทางถนน ห่างไกลจาก COVID-19

วันนี้ (29 ธันวาคม 2563) เวลา 18.00 น. ณ กรมการขนส่งทางบก นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของกรมการขนส่งทางบก และส่งคนกลับบ้านช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 “เดินทางปลอดภัย ใส่ใจยกกำลังสาม” ใส่ใจตนเอง ใส่ใจผู้อื่น และใส่ใจประชาชน ในการนี้ ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่ และมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมมอบของที่ระลึกให้แก่ประชาชนที่มารอเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะภายในกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นจุดจอดต้นทางรถออก เพื่อลดความแออัดของผู้โดยสารจากสถานีขนส่งผู้โดยสารฯ จตุจักร ระหว่างวันที่ 29 – 31 ธันวาคม 2563 และอำนวยความสะดวกเป็นจุดส่งผู้โดยสารเที่ยวกลับ ระหว่างวันที่ 2 – 4 มกราคม 2563 สำหรับผู้โดยสารที่จองตั๋วล่วงหน้ากับ บริษัท ขนส่ง จำกัด ในเส้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงานและการดำเนินโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของกรมการขนส่งทางบก

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของกรมการขนส่งทางบก และส่งคนกลับบ้าน เป็นกิจกรรมที่กรมการขนส่งทางบกจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้พี่น้องประชาชน สำหรับเทศกาลปีใหม่ 2564 ซึ่งมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในหลายจังหวัด จึงได้ให้กรมการขนส่งทางบกเพิ่มความเข้มข้นทุกมาตรการ ด้านความปลอดภัยการเดินทาง กรมการขนส่งทางบกได้บูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย การตรวจเข้มความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ หมวด 2 (กรุงเทพ-ต่างจังหวัด) หมวด 3 (ระหว่างจังหวัด) ทุกคัน ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดรถทุกแห่งทั่วประเทศ รวม 166 แห่งทั่วประเทศ เริ่มดำเนินการวันที่ 29 ธันวาคม 2563 – 4 มกราคม 2564 โดยเป็นการบูรณาการระหว่างกรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) คณะกรรมการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในระบบขนส่งสาธารณะตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยเน้นย้ำพนักงานขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง ไร้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ ชั่วโมงการขับรถไม่เกินที่กฎหมายกำหนด สภาพตัวรถทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ต้องครบถ้วนและมีความปลอดภัยสูงสุด หากพบพนักงานขับรถ มีสภาพไม่พร้อมหรือมีความผิด จะดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด ทั้งปรับ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ และผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนพนักงานขับรถทันที และการตรวจความพร้อมจุด Checking Point และ Rest Area การตั้งจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและผู้ขับรถ บนถนนสายหลัก ทั้งรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทาง (เช่าเหมา) เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากความบกพร่องของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบ รวมถึงให้บริการผู้ขับรถและผู้เดินทางที่เหนื่อยล้าจากการเดินทาง โดยมีจุด Checking Point จำนวน 25 แห่ง และจุด Rest Area ใน 13 จังหวัด

ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะขอให้พนักงานขับรถและผู้ประจำรถทุกคนขับรถด้วยความระมัดระวังปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด คือ Distancing – เว้นระยะระหว่างกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น Mask wearing – สวมหน้ากากหน้ากากอนามัยตลอดเวลา Hand washing – ล้างมือบ่อยๆ โดยจัดให้มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมืออย่างทั่วถึงเพียงพอให้บริการประชาชน Testing – ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและตรวจหาเชื้อโควิด-19 (เฉพาะกรณี) Thaichana – ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งจะต้องมีการแสกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะทั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและก่อนเดินทาง ในกรณีที่ประชาชนไม่สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะได้ ต้องให้ประชาชนกรอกข้อมูลการเดินทางตามแบบฟอร์มที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการควบคุมการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ จัดให้มีการให้บริการศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน โดยจะมีเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมให้คำแนะนำและข้อมูลการเดินทาง รวมถึงรับเรื่องร้องเรียนกรณีผู้โดยสารถูกเอาเปรียบจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกจังหวัด และทางสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดินทางได้อย่างปลอดภัย มีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนนและปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)