“ สุริยะ” แนะเอสเอ็มอี ต้องใส่ใจนวัตกรรม

  • แจง5สาเหตุที่ต้องแก้ไข
  • ชู3แนวทางผ่าทางตัน
  • โชว์ผลงานวิจัย4อุตสาหกรรมยุคใหม่

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า   กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.)ได้จัดทำรายงานวิเคราะห์  สาเหตุที่ทำให้เอสเอ็มอีไทย ยังไม่สามารถเข้าถึงการพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมและงานวิจัยได้ ว่ามี5 ปัจจัยหลัก 1. การขาดความรู้ โดยเฉพาะเรื่องของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทั้งจากภายในและต่างประเทศ เช่น ข่าวรายวัน ผลงานวิจัยใหม่ ๆ การศึกษาข้อมูลตัวอย่างของผู้ประกอบการต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ฯลฯ 2. การขาดเงินทุน เนื่องจากในการผลิตงานวิจัยหรือนวัตกรรมยังมีต้นทุนที่สูง 3.การขาดเครือข่ายเชื่อมโยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา จึงยังทำให้ไม่มีโอกาสในการร่วมกันพัฒนานวัตกรรม หรือการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ 4. การขาดกำลังคน ทั้งที่เป็นบุคลากรที่มีความรู้ในสถานประกอบการ, การขาดเครื่องมือ ,ระบบดิจิทัล และเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ 5.การกระจุกตัวของการพัฒนานวัตกรรม ที่ส่วนใหญ่ยังอยู่แค่ในระดับส่วนกลาง หรือระดับหัวเมือง จึงทำให้ผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคยังติดอยู่กับรูปแบบธุรกิจเดิมๆ และไม่สามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ได้

ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ต้องการเติบโต จึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและงานวิจัย 3 ด้าน คือ1. การพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่เป็นสิ่งใหม่และไม่คุ้นเคย 2.พัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวกับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ3. การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม โดยล่าสุด กสอ. ได้จัดกิจกรรม “ Research Connect หรือตลาดต่อยอดงานวิจัยสู่อุตสาหกรรม” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี งานวิจัย นวัตกรรมระหว่างผู้พัฒนาและผู้ประกอบการ พร้อมต่อยอดไปสู่เชิงพาณิชย์ โดยล่าสุดจัดทำได้สำเร็จรวม 50 ผลงานวิจัยและนวัตกรรมใน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอาหารแปรรูป กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม กลุ่มการแพทย์และสุขภาพ และกลุ่มซอฟต์แวร์และดิจิทัล

  ทั้งนี้ แม้ว่าในขณะนี้ ผู้ประกอบการ จะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการพัฒนานวัตกรรมและงานวิจัยเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อเทียบสัดส่วนดังกล่าวกับจำนวนเอสเอ็มอีที่มีอยู่ในประเทศไทย 3 ล้านรายแล้ว กลับพบว่ามีไม่ถึง 1 %หรือไม่ถึง 30,000 รายที่มีการใช้งานวิจัยและนวัตกรรมเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจ เพราะการยกระดับเอสเอ็มอีด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมที่ ไม่เพียงแต่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดหรือสู้กับคู่แข่งได้ แต่ยังเป็นการปูทางไปสู่ความสำเร็จเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

 ดังนั้นเอสเอ็มอี จะต้องมีการปรับตัวในหลายๆองค์ประกอบอาทิ  การพัฒนานวัตกรรมการผลิตสินค้าและบริการที่เป็นสิ่งใหม่ๆและไม่คุ้นเคยเพื่อ ทำให้เอสเอ็มอี ผลิตสินค้าที่ แปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำกับสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกัน เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค และมีความก้าวล้ำเหนือคู่แข่ง เป็นต้นขณะเดียวกันก็จะต้องเน้น นวัตกรรมที่เกี่ยวกับกระบวนการผลิต โดยอาศัยเครื่องมือต่างๆที่มีความทันสมัย สามารถประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิต รวมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต การใช้พลังงานทดแทน นวัตกรรมเพื่อการลดต้นทุน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังจะต้องมี การพัฒนาวิจัยและนวัตกรรมทางการตลาด ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการใช้เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลเพื่อดึงดูดผู้บริโภค ให้หันมาใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น การมีระบบจัดเก็บข้อมูล (บิ๊กดาต้า) การใช้โซเชียลมีเดีย การมีระบบสื่อสารใหม่ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับผู้บริโภค เป็นต้น

สำหรับผลงานวิจัยและนวัตกรรม  กลุ่มที่ประสบความสำเร็จจากโครงการดังกล่าวในขณะนี้ มีอาทิ  กลุ่มเกษตรและอาหารแปรรูป กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม กลุ่มการแพทย์และสุขภาพ และกลุ่มซอฟต์แวร์และดิจิทัล อาทิ หลอดกินได้จากข้าวและพืช,   ดินปลูกต้นไม้ไม่ต้องรดน้ำ,  โปรตีนจากข้าวเพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ ,เครื่องเติมอากาศประหยัดพลังงานแบบไฮบริดจ์ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากสารสกัดกัญชา ซึ่งถือเป็นสาขาอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตและสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาลในอนาคต และยังมีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท