“สุพัฒนพงษ์” ย้ำตรึงดีเซลได้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร เผยเข้าใจข้อเรียกร้องทุกฝ่าย แย้มรัฐมีแผนออกคนละครึ่งเฟส 4 ต่อ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกทั่วประเทศเข้าพบ เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซล เหลือลิตรละ 25 บาท/ลิตร เป็นเวลา 1 ปี ว่า เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.64) ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งแนวทางที่ทำได้เป็นไปตามคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) คือ การตรึงราคาน้ำมัน 30 บาท/ลิตร ตามแผนการบริหารจัดการ แต่ทางผู้ประกอบการอยากให้ราคาลดลงมากกว่านั้น เพราะไม่อยากไปเพิ่มอัตราค่าบริการหรือค่าขนส่ง ซึ่งเข้าใจทุกฝ่ายและจะรับข้อเสนอไปพิจารณา รวมถึงจะมีการรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบด้วย

ทั้งนี้ราคาน้ำมันต้องอิงจากราคาตลาดโลก หากราคาลดลงเมื่อไหร่ ราคาน้ำมันในประเทศก็คงลดลงตาม โดยจะติดตามราคาอย่างใกล้ชิด

“เชื่อว่าทิศทางน้ำมันมันไม่น่าขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ราคาขึ้นเพราะว่า เป็นเหตุจำเพาะหน้าหนาวในหลายๆ ประเทศ และการหยุดชะงักของการผลิตจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป ซึ่งดูแล้วสถานการณ์น่าจะดีขึ้น รวมถึฝโอเปคก็ประกาศแล้วจะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งกระทรวงพลังงานก็กำลังติดตามสถานการณ์ โดยคาดว่าน่าจะอ่อนตัวลงมาบ้าง” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ในส่วนกรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นัดรวมพลจัดกิจกรรม “Truck Power” โดยนำรถขนส่งรถบรรทุก ออกมารวมตัวและขับวนในเส้นรอบนอกกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 4 เส้นทาง 6 จุด เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ให้รัฐบาลเร่งเข้ามาดูแลเรื่องราคาน้ำมันแพงนั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ทางผู้ประกอบการต้องการแสดงออกทางสัญลักษณ์ แต่ก็ยังอยู่ในกรอบของกฏหมาย คงไม่ได้เข้ามาในเมือง อยู่ในเขตปริมณฑล

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากราคาน้ำมัน รัฐบาลยังตรึงราคาแก๊สหุงต้มไว้ 318 บาทต่อถัง ซึ่งถือเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตของประชาชนอีกด้วย

นอกจากนี้สำหรับความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 4 นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อยู่ในแผนที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาส 4 เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลัง และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้มีการหารือกัน ซึ่งต้องพิจารณาจากสถานการณ์เศรษฐกิจ และภาวะผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นอย่างไร ซึ่งก็พยายามดูแลอย่างใกล้ชิด

ส่วนจำเป็นต้องมีการกู้เงินเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะกู้เงินเพิ่มในช่วงนี้ ซึ่งขณะนี้ยังมีงบประมาณเพียงพอ และแนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ดูจากตัวเลขการอุปโภคบริโภค การส่งออกยังดีอยู่