“สิริ เวนเจอร์ส” เดินหน้าเฟ้นหาสตาร์ทอัพ เปิดตัว “รถยนต์ไร้คนขับ-โดรนส่งของ”

  • “สิริ เวนเจอร์ส” ลุยเฟ้นหาสตาร์ทอัพ เพื่อต่อยอดผู้นำเพื่อการอยู่อาศัย เติมความสะดวกสบายเพื่อลูกบ้าน
  • ล่าสุดนำเสนอรถยนต์ไร้คนขับ โดรนส่งของ เทคโนโลยีตรวจจับเสียง มาทดลองให้บริการ
  • เผยปีนี้เตรียมทุ่ม 600 ล้านบาท ค้นหาสตาร์ทอัพรายใหม่ที่มีศักยภาพต่อเนื่อง

นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURES) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ประกาศแผนจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับทดสอบพัฒนา และประมวลผลเสมือนจริงของเหล่าสตาร์ทอัพ เพื่อต่อยอดนวัตกรรมด้านการพักอาศัยสำหรับลูกบ้านแสนสิริ ภายใต้ชื่อ “SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox” เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ 3 สตาร์ทอัพศักยภาพ เพื่อเข้าร่วมพัฒนาและทดลองใช้นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยแห่งอนาคตในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ภายในพื้นที่โครงการ T77

ทั้งนี้นวัตกรรมจากกลุ่มสตาร์ทอัพที่จะเข้ามาพัฒนาและทดลองประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ 1.รถยนต์ไร้คนขับ ภายใต้ความร่วมมือกับ AIROVR สตาร์ทอัพผู้พัฒนาระบบสำหรับรถยนต์ไร้คนขับสัญชาติไทย และสวทช. ในฐานะหน่วยงานชั้นนำของประเทศในด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ ขณะที่ สวทช.จะช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่จำเป็น ได้แก่ ระบบ Drive-by-Wire การบูรณาการเซนเซอร์สำหรับรถยนต์ไร้คนขับ ระบบบ่งชี้ตำแหน่งและการนำทาง ระบบควบคุมและสั่งการ และแผนที่ 3D ความละเอียดสูง เพื่อให้รถสามารถวิ่งและใช้งานได้จริง ซึ่งจะทดลองใช้จริงไตรมาส 4 ปีนี้ 

“ต้นทุนของตัวรถอยู่ที่คันละ 100,000 กว่าบาท แต่อุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่เป็นเรดาร์มีราคาสูงอยู่ที่ 300,000 บาท ซึ่งเบื้องต้นจะใช้ทดลองรถลักษณะคล้ายรถตุ๊กตุ๊กนั่งได้ 3 คนรวมพื้นที่คนขับ ทำความเร็ว 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และก็มีแผนจะเพิ่มรถอีก 1 คันเป็นลักษณะรถกอล์ฟ นั่งได้เป็น 5 ที่นั่ง”

2.โดรน เดลิเวอรี่ ภายใต้ความร่วมมือกับ Fling สตาร์ทอัพผู้พัฒนาโดรนสัญชาติไทย โดย Fling จะนำโดรนมาใช้ทดลองส่งสินค้าจาก ฮาบิโตะ มอลล์ ไปยังโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริในโครงการ T77 คาดว่าจะเริ่มทดลองได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และให้บริการจริงไตรมาส 1 ปี 63 หลังจากผ่านขั้นตอนการขออนุญาตหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงเทพมหานคร นิติบุคคลของโครงการนั้นๆ  

3.การดูแลรักษาความปลอดภัย ภายใต้ความร่วมมือกับ SoundEye สตาร์ทอัพผู้พัฒนาแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมเทคโนโลยีเรียนรู้เสียงต่างๆรายแรกของโลก ที่ผ่านมาไมโครโฟนเซนเซอร์ของ SoundEye ได้เข้าไปมีส่วนช่วยตรวจจับเสียงผิดปกติ อาทิ เสียงร้องขอความช่วยเหลือ เสียงน้ำรั่วซึม เสียงปืน ในอาคารประเภทต่าง ๆ มาแล้วหลายแห่งในสิงคโปร์ รวมถึงในสนามบินชางฮี โดยจะเริ่มทดลองในพื้นที่โครงการ T77 ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ 

“การที่บริษัทเปิดโอกาสให้เหล่าสตาร์ทอัพมาพัฒนาทดลอง ถือเป็นประโยชน์ให้กับทั้ง 2 ฝ่าย คือสตาร์ทอัพได้ทดลองใช้งานจริง มีผู้ใช้งานจริง สามารถเก็บข้อมูลเพื่อปรับปรุงแก้ไขผลงานให้ออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด ในส่วนของแสนสิริเอง ก็จะได้เห็นทิศทางความเป็นไปได้ในการรำมาใช้พัฒนาต่อยอดให้ลูกบ้านได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งหากมีการสนใจบริษัทก็จะไปสนับสนุนทั้งรูปแบบเงินทุน รวมถึงดานอื่นๆ”

อย่างไรก็ตามในส่วนของการลงทุนเฟ้นหากลุ่มสตาร์ทอัพ บริษัทยังคงเดินหน้าต่อโดยครึ่งปีหลังจ่อลงทุนในสตาร์ทอัพ 4 ด้าน รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง สัดส่วน 20% ของงบลงทุน, เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน สัดส่วน 30%, เทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วน 20% และเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยและสุขภาพ สัดส่วน 30% ซึ่งขณะนี้ก็มีสตาร์ทอัพนำเสนอเข้ามาแล้ว ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้างบลงทุนไว้ 3 ปี (2561-2563) มูลค่า 1,500 ล้านบาท โดยปี 2561 ใช้ไปแล้ว 300 ล้านบาท