นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ระบุว่า สถานการณ์ตอนนี้คลี่คลายลงไปมาแล้ว แต่กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ทุกคน ทุกฝ่ายในกระทรวงฯ ตั้งแต่รัฐมนตรี ผู้บริหาร ฝ่ายปฏิบัติงาน ก็เหนื่อยล้ามามาก เพราะแรงกดดันมาจากทุกทาง ก็ได้กำลังใจจากกันและกัน รวมไปถึงกำลังใจจากพี่น้องประชาชนมาช่วยไว้ มีการส่งข้อความส่งพลังใจมาให้จากหลายๆ ช่องทาง คณะแพทย์ พยาบาล บุคลากรในกระทรวงฯ ได้อ่านก็รู้สึกชื่นใจ เอาเข้าจริง ทางกระทรวงฯ ได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้การจัดหาวัคซีนสอดรับสถานการณ์ แผน ก็มีการปรับอยู่ตลอด นับตั้งแต่มีการระบาดช่วงปลายปี 2563 กลุ่มผู้บริหาร ก็คุยกันทันที ปรับแผน และเดินหน้า จัดหาวัคซีนตอนนั้นเลย เราพูดคุยกับผู้ผลิตหลายราย แต่ก็มีเพียงบางรายที่สะดวกพอจะจัดหาวัคซีนให้เราได้ ซึ่งคุณสมบัติของเขา ก็สอดคล้องกับสถานการณ์ของเรา ณ ขณะนั้น คือสู้กับสายพันธุ์อัลฟ่าได้ เราก็จัดหามาก่อน เร่งระดมฉีดแพทย์ พยาบาล คนหน้างานไปจนถึงกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดการสูญเสียไว้ก่อน
จากนั้น ก็ถึงได้รับวัคซีนหลัก ช่วงกลางปี 2564 ก็เร่งฉีด ให้ได้ตามเป้าหมาย คือ จบปีนี้ ต้องฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส ตอนที่พูดตัวเลขนี้ออกมา มีแต่คนสงสัยว่าจะทำได้หรือ มาตอนนี้ ไม่มีใครสงสัยแล้ว เพราะเรามีศักยภาพในการฉีดได้ถึงวันละ 1 ล้านโดส และทางกระทรวงฯ ก็บรรลุสัญญาส่งวัคซีนในปีนี้ถึง 150 ล้านโดส ยังไม่นับวัคซีนบริจาค ขณะที่ปีหน้า จะมีการส่งวัคซีนเข้ามาแน่นอนแล้วตามสัญญาอีก 60 ล้านโดส เท่ากับเราบรรลุสัญญาจัดหาวัคซีน 2 ปี ขั้นต่ำสุดที่ 210 ล้านโดส ไหนจะวัคซีน ที่ทีมผู้ผลิตในประเทศ น่าจะส่งเข้ามาในระบบบริการทันปี 2565 คิดว่า เรามีวัคซีนจำนวนมาก เท่ากับว่าสถานการณ์ของไทยดีขึ้นแล้วจริงๆ
“สิ่งหนึ่งที่ต้องการเรียนชี้แจงคือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมขอเป็นตัวแทนบอกเล่าการทำงานของทีมกระทรวงสาธารณสุขไทยทุกคน ไล่มาจากรัฐมนตรี ถึงผู้ปฏิบัติงานทุกคน เราทำงานกันทุ่มเททุกอย่าง เพื่อให้ได้วัคซีนเข้ามาบริการกับพี่น้องประชาชนคนไทย ทุกเสียงวิจารณ์ ทุกข้อเสนอ เราพยายามรวบรวม นำมาขบคิด และพยายามตอบสนอง รวมไปถึงแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ทุกวันนี้ เราบรรลุสัญญาจัดหาแล้วทั้งในปี 64 และ 65 คือ 210 ล้านโดส นี่คือตัวเลขจริงๆ กระทรวงสาธารณสุข ขอให้ความมั่นใจว่า เรายึดมั่น ในพันธกิจดูแลสุขภาพประชาชนให้ดีที่สุด”