สำรวจแนวโน้ม 6 ตลาด “เงิน-ทุน-สินทรัพย์” รับปีเสือ

ส่งท้ายสัปดาห์สุดท้ายของปี 2564 เตรียมตัวเข้าสู่ปีหน้า “ปีเสือ” ซึ่งเปิดต้นปีมา เราคงเห็นทิศทางที่ยังไม่ค่อยสดใสเนื่องจากความกังวลที่มีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ซึ่งกลับมาเปราะบางอีกครั้ง ในช่วงกลางๆ เดือน ..ที่ผ่านมา หลังประเทศไทยตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

และนอกเหนือจากผลกระทบต่อ “ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย” แล้ว แนวโน้มการแพร่ระบาดของ “โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน” ยังมีผลต่ออารณ์ความรู้สึกของนักลงทุน บรรกาศของการใช้จ่าย การลงทุน และทิศทางราคาสินค้าสำคัญๆ ในปีหน้านี้อีกด้วย

โดยแต่ละสินค้า แต่ละสินทรัพย์ แต่ละตลาด ถูกกระทบแตกต่างกันไป บางตลาดได้รับผลกระทบสูง บางตลาดได้รับผลกระทบแต่ไม่มาก บางตลาดอาจจะได้รับผลดีจากสถานการณ์นี้ก็เป็นไปได้

มาติดตาม “ทิศทาง” จากผู้รู้ในแต่ละตลาด ที่ได้รวบรวมมาให้ ใน 6 ตลาดที่สำคัญ

ตลาดทองคำ : สินทรัพย์ปลอดภัยมีโอกาสขึ้นต่อ

เริ่มต้นจาก “ตลาดทองคำ”  บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG มองภาพรวมราคาทองคำตลอดทั้งปี 2565 ว่า จะยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา โดยราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบบวกลบ 3,000 บาทจากปี 2564 หรือคาดว่าปรับขึ้นไปสูงสุดประมาณ 29,800 บาท

ขณะที่ “ฮั่วเซ่งเฮง” มองเช่นเดียวกันว่า จะเป็นปีที่ดีของทองคำ  โดยราคาตลาดโลกจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,750-1,920 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์  ขณะที่ราคาทองแท่งในประเทศจะเคลื่อนไหวที่  27,750-29,500 บาท โดยราคาน่าจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1 จากผลของเทศกาลตรุษจีน

ทั้งนี้ “ทองคำ” ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จึงได้รับผลดีในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ โดยหากมีการระบาดหนักขึ้นของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลก อาจจะทำให้มีแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเช่น หุ้น ตราสารหนี้ระยะสั้น มาลงทุนในตลาดทองคำเพิ่มขึ้น

ตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นยกเว้นโอมิครอนระบาด

จากทิศทางทองคำ มาต่อที่ “ราคาน้ำมัน” ซึ่งตลอดทั้งปีนี้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ทิศทางในปีหน้า 2565 นั้น ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Expert) ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์เบื้องต้นว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2565 อยู่ที่ 67 – 75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น 

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกลับมาระบาดรุนแรง การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก ขณะที่การผลิตน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น โอกาสปริมาณการผลิตน้ำมันของโลกในปี 2565  จะพลิกกลับมาสูงกว่าความต้องการใช้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากปี 2564 ที่ความต้องการใช้สูงกว่าปริมาณการผลิตและมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้ต่ำกว่าที่คาดได้เช่นกัน

ตลาดสินค้าเกษตร หวังเศรษฐกิจโลกฟื้นช่วยพยุง

เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความสำคัญกับประเทศไทย โดยเฉพาะเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ ทั้งนี้ ราคาสินค้าเกษตรในปีที่ผ่านมา อยู่ในทิศทางที่ลดต่ำลง ราคาตกต่ำต่อเนื่อง  

ในปีหน้าซึ่งเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวเพิ่มขึ้น และการระบาดของโควิดสามารถควบคุมได้มากขึ้น การขนส่งทำได้ดีขึ้น ทำให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดว่าราคาสินค้าเกษตรโลกจะมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีนี้เล็กน้อย

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ราคาข้าวไทยในปี 2565 ว่าจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในปี 2564 โดยคาดว่าอาจอยู่ที่ราว 8,900-9,400 บาทต่อตัน แต่ให้จับตาปัจจัยท้าทายที่ยังคงรุมเร้าต่อเนื่องจากปีก่อน เช่น การแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรงโดยเฉพาะอินเดียและเวียดนาม รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากเชื้อกลายพันธุ์ จะทำให้ราคาข้าวอาจเคลื่อนไหวบวกลบจากนี้ได้ในกรอบแคบๆ

ตลาดหุ้น เศรษฐกิจฟื้นตลาดหุ้นฟื้น

มาต่อที่ตลาดหุ้นปีใหม่จะเป็นอย่างไรนั้น รวบรวมมาให้จากหลายสำนัก ติดตามกันได้ตามอัธยาศัย

บล.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ทิศทางตลาดหุ้นปี 65 จะปรับตัวขึ้น จากแรงหนุนอย่างทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ตัวเลขภาคการผลิตกลับไปสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว ด้านภาคบริการแม้จะยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ โดยมองเป้าดัชนีปีนี้ที่ 1,660 จุด และปี 65 ที่ 1,750 จุด

ขณะที่บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า มองเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 65 มีแนวโน้มทะลุ 1,800 จุด เนื่องจากเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐและมาตรการทางการเงินที่ยังคงช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่กลับไปสูงเท่าช่วงก่อนโควิด-19

ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 65 น่าจะออกมาดี เพราะแม้ในปี 64 ที่ต้องเผชิญกับภาวะโควิด-19อย่างรุนแรงกำไรของบริษัทจดทะเบียนในทุก ๆ ไตรมาสก็ยังออกมาดีกว่าคาดได้ นอกจากนี้ ยังจะน่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาในปี 65 ด้วย

บลจ.กสิกรไทย มองสิ้นปี 64 ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปิดปีที่ระดับ 1,650 จุด ส่วนในปี 2565 ดัชนีหุ้นไทยน่าจะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,850 จุด ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย รวมถึงอัตราการฉีดวัคซีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตลาดเงิน : ปี 65 เงินบาทมีโอกาสแข็งค่ากว่าปีนี้

จากตลาดทุน มาตลาดเงิน ทีม Investment and Markets Research ธนาคารกรุงไทย มองแนวโน้มค่าเงินบาทปี2565 คาดว่าจะอยู่ในทิศทางแข็งค่าขึ้นราว5%โดยกรอบเคลื่อนไหวจะอยู่ที่ 31.50-32.00 บาทต่อดอลลาร์ จากปีนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่า สิ้นปี 2564 น่าจะอยู่ที่ 33.00 บาท ส่วนหนึ่งมาจากเงินดอลลาร์ที่อยู่ในวัฏจักรแข็งค่า ทำให้ค่าเงินในสกุลตลาดเกิดใหม่ (emerging market) มีทิศทางอ่อนค่าทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม จากการเปิดประเทศนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกลับมาได้ ราคาพลังงานเริ่มมีความเสถียรมากขึ้น  ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยน่าจะกลับมาเป็นบวกได้ในปีหน้า และส่งผลต่อค่าเงินบาทให้ปรับตัวแข็งค่าขึ้น

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ค่าบาทอ่อนค่าลงได้เช่นกัน โดยต้องจับตาทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการระบาดของโอมิครอนในไทย หากเกิดการระบาดหนักเหมือนปีนี้ ค่าบาทก็มีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่องได้

ตลาดคริปโตเคอเรนซี แรงไม่ตกต่อเนื่องข้ามปี

สุดท้ายเป็นตลาดน้องใหม่ ที่สามารถดึงดูดใจนักลงทุนจำนวนมาก ในทุกสาขาอาชีพในช่วงปีที่ผ่านมา สวนกระแสคำเตือนถึง “ความเสี่ยง”ที่ออกมาต่อเนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลก ในปีหน้าทิศทางของตลาดคริปโตเคอเรนซี ยังมีแนวโน้มสดใส ขณะที่ราคายังคงผันผวนขึ้นลงแรง

ทั้งนี้ “Kraken” แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีอันดับ 13 ของโลกตามมูลค่าการซื้อขาย มองแนวโน้มราคาในช่วงต้นปี 2022 หรือ 2565 ที่จะถึงนี้ ว่า ให้นักลงทุนให้ระมัดระวังการ ‘ดิ่งหนัก’ ของตลาดคริปโตเคอเรนซี แต่อย่างไรก็ตามในระยะยาวราคายังสามารถปรับขึ้นต่อเนื่องไปได้ โดยระบุว่า การลงครั้งนี้ถือเป็นช่วงที่ดีที่จะซื้อสะสมเพราะตลาดคริปโตยังขยายตัวได้อีกมากในช่วงต่อจากนี้

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์บางส่วนให้ความเห็นว่า รอบขาลงของคริปโตเคอเรนซีใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว  หลังจากราคาลดลงตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา 

ขณะที่นักวิเคราะห์ให้นิยามของคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะบิตคอนน์ว่า  “บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อความต้องการเสี่ยงเพิ่มขึ้น บิตคอยน์ก็ปรับตัวขึ้นตาม”

ทั้งหมดนี้เป็น “ทิศทาง”ที่คาดกันว่าจะเกิดขึ้นในปีเสือ ปีหน้านี้ แต่ต้องยอมรับว่า ปัจจัยเสี่ยงของปีหน้ายังมีสูงมากขณะที่การฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลกยังเปราะบาง ขณะที่ต้องจับตาพิษสง “โอมิครอน” ว่าจะเทียบชั้นเดลตาได้หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลทิศทาง “ราคา” เปลี่ยนไปจากที่คาดไว้นี้