กระแสข่าวการรักษาโควิด-19 ในสหรัฐมีราคาแพงจนน่าตกใจมีรายงานมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหนังสือพิมพ์ชิคาโกทริบูน รายงานว่า “เจเน็ต เมนเดซ” สาวอเมริกันวัย 33 ปี โดนบิลค่ารักษาจากโรงพยาบาลเป็นจำนวนเงินกว่า 400,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 12.4 ล้านบาท แต่โรงพยาบาลดจำนวน 326,851 แสนดอลลาร์จากเคลมประกันและแพกเก็จช่วยเหลือจากรัฐ ทำให้เธอต้องจ่ายที่เหลือ 75,000 ดอลลาร์หรือราว 2.25 ล้านบาท
“โอ พระเจ้าฉันจะจ่ายเงินทั้งหมดนี้ได้อย่างไร” เมนเดซ กล่าวและตอบภายในไม่กี่วินาทีว่า “ฉันจะไม่สามารถจ่ายทั้งหมดนี้ได้”
เธอมองโลกในแง่ดีว่าบริษัทประกันภัยจะดูแลครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาส่วนใหญ่ไว้ แต่เธอก็ได้รับโทรศัพท์ที่กวนใจจากโรงพยาบาลเรื่อยมา
“เมนเดซ” เริ่มเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเมาท์ ซิไน มอนิ่งไซค์ หลังจากเกือบตายจากการติดโควิด-19 ครั้งแรกบิลค่ารักษา 31,165 ดอลลาร์หรือประมาณ 966,000 บาท แต่เธอไม่สามารถทำงานได้และเดินเหินลำบาก เธอจึงตัดสินใจเลิกคิดเรื่องบิลค่ารักษาและมุ่งเน้นไปที่การรักษาตัว
โฆษกของโรงพยาบาล กล่าวกับนิวยอร์คไทมส์ว่า เธอเข้าใจผิดว่าจะได้รับใบเสร็จจากบริษัทประกันภัยหรือรัฐบาลโดยตรง
ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ผ่านแพกเก็จการช่วยเหลือของรัฐบาลกลางมีความหวังว่ารัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายการรักษาในสัดส่วนที่มาก แต่เป็นความเข้าใจผิดเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้คนจำนวนคนที่เพิ่งสูญเสียประกันสุขภาพระหว่างภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและตกงาน และเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นกับพวกเขา เช่น “แมนเดช” กระบวนการออกบิลค่ารักษามีความซับซ้อน จะต้องได้รับการสังคยนาเมื่อเขาหายป่วยแล้ว
“อลิซาเบธ เบนจามิน” รองประธาน Community Service Society แห่งนิวยอร์ค กล่าวถึงความพยายามช่วยเธอเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลงว่า “พวกเรากำลังมองไปที่คลื่นสึนามิ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ตอนนี้กำลังรอบิลการรักษาที่กำลังถาโถมเข้ามา”
เมื่อ “เมนเดซ” เห็นบิลครั้งแรกแทบช็อกและค่อยๆ ตรวจสอบบิลดูว่าค่ารักษาคลุมเครือ เป็นค่ารักษาผู้ป่วยในจำนวน 3,550 ดอลลาร์ และอีก 42,714.52 ดอลลาร์ เป็นค่ายารักษา แต่ไม่มีรายละเอียดของยาที่เธอได้รับการรักษาหรือค่าใช้จ่ายเท่าใด
“เมนเดช” กล่าวว่าการเรียกเก็บเงินควรมีการแยกรายการอย่างน้อยรายชื่อยาและราคา เธอไม่ได้สติจากเข้าโรงพยาบาล
“ฉันไม่รู้ว่ายาอะไรที่ใส่ไว้ในตัวฉัน” เธอกล่าว “ ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเขาทำสิ่งนี้หรือพวกเขาไม่ได้ทำสิ่งนี้” รายการส่วนใหญ่ในบิลเรียกเก็บเงินของโรงพยาบาลของเธอนั้นคลุมเครือ บางรายการที่แพงที่สุดคือสี่รายการที่อ่านง่าย ๆ ว่า “การแพทย์ – การดูแลหัวใจ” มีตั้งแต่ 41,000- 82,000 ดอลลาร์
ส่วนหนึ่งของความสับสนคือ “เมนเดซ” ได้เปลี่ยน บริษัทประกันสุขภาพเมื่อไม่นานมานี้และเธอมาถึงโรงพยาบาลที่พยายามดิ้นรนเพื่อหายใจและไม่มีข้อมูลประกันใหม่ของเธอ แผนกการเรียกเก็บเงินของโรงพยาบาลสรุปว่าเธอไม่มีประกันและส่งใบเรียกเก็บเงินโดยตรง
กรณีของ “เมนเดซ” กำลังเป็นปัญหาให้โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในสหรัฐ
สำหรับเมืองนิวยอร์ค เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้รับงบช่วยเหลือรอบแรกจากรัฐบาลกลางจำนวน 3,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยให้โรงพยบาลกรณีให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงการชดเชยการรักษาให้โรงพยาบาลที่สูญเสียรายได้จากยกเลิกการรักษาผู้ป่วยที่ไม่ได้ติดไวรัสโควิด-19 ด้วย
โดยโรงพยาบาลเมาท์ สิไน มอร์นิ่งไซค์ได้รับเงินอย่างน้อย 63.7 ล้านดอลลาร์
งบช่วยเหลือดังกล่าวพร้อมกับเงื่อนไขบางอย่างที่มีไว้เพื่อปกป้องผู้ป่วยจากหนี้สินจากโรงพยาบาล เช่นผู้ให้บริการด้านสุขภาพไม่ได้รับอนุญาตให้ค้นหาการจ่ายเงินพิเศษจากผู้ป่วยที่มีประกันสุขภาพที่ได้รับการดูแลที่โรงพยาบาลนอกเครือข่าย
พวกเขาไม่สามารถ “เรียกเก็บเงินจากยอดคงเหลือ” นั่นคือเรียกเก็บเงินผู้ป่วยสำหรับความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ผู้ประกันตนจะจ่ายและค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล
แต่การป้องกันนี้ไม่ได้ป้องกันผู้ป่วยอย่างเต็มที่ แม้ว่าโรงพยาบาลจะใช้เงินของรัฐบาลกลาง แต่แพทย์บางคนที่รักษาผู้ป่วยที่นั่นสามารถส่งใบเรียกเก็บเงินของตนเองไปยังผู้ป่วยได้โดยตรง
“เมนเดซ” ได้รับบิลเรียกเก็บเงินแยกต่างหากจากแพทย์ที่ดูแลเธอเป็นรายบุคคลในโรงพยาบาล ระหว่าง 300 ถึง 1,800 ดอลลาร์ต่อวัน บางวันแพทย์ถึงสี่คนเรียกเก็บเงินค่ารักษาจากเธอ
“แจ็ค ฮอดเลย์” นักวิจัยนโยบายสุขภาพมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับแผนประกันของของเขา ผู้ป่วยอาจยังคงติดอยู่กับการจ่ายเงินร่วม, การหักลดบิลและการจ่ายในสัดส่วนเปอร์เซนต์ของบิล ซึ่งสามารถลดได้ถึงหลายพันดอลลาร์ ที่สำคัญเงื่อนไขบางประการที่กำหนดไว้กับกองทุนช่วยเหลือนั้นมีผลเฉพาะกับผู้ป่วยที่มีประกันเท่านั้น
โรงพยาบาลสามารถขอเงินชดเชยจากรัฐบาลในการรักษาผู้ป่วยที่ไม่มีประกันผ่านกระบวนการอื่น แต่มันกลับกลายเป็นว่าผู้ป่วยที่ไม่มีประกันยังได้รับการชดเชยด้วย
“เมนเดส” ได้ส่งบิลเรียกเก็บเงินให้ บริษัทซิกน่า ซึ่งประกันภัยรายใหม่ของเธอและบอกว่าเธอว่าเธออาจจะค่ารักษาลดลงต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์
ที่มา- www.chicagotribune.com
