สารพัด”แท็กซี่-มอไซค์-รถตู้”บุกคมนาคม ร้องขอปราบแกร็บหน่อย

  • สารพัด”แท็กซี่-มอไซค์-รถตู้”บุกคมนาคม ร้องขอ“ศักดิ์สยาม”ช่วยเหลือ
  • ด้านรัฐมนตรีคมนาคม รับนัดเคลียร์ให้ได้ข้อสรุป8 สิงหานี้
  • ลั่นใน3 เดือนเรียกรถโดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่นถูกกฎหมาย

นายศักดิ์สยามชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ กลุ่มรถตู้โดยสาร กลุ่มสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย กลุ่มแท็กซี่สุวรรณภูมิ กลุ่มแท็กซี่พัทยา และกลุ่มจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์วิน) รับจ้าง เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ว่า จากที่ได้มีกาหารือร่วมกันทางกลุ่มแท็กซี่สุวรณภูมิ ได้ขอปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 5%และค่าบริการจอดรอรับผู้โดยสารที่สนามบิน จาก50 เป็น 90 บาท ส่วนกลุ่มแท็กซี่พัทยา และกลุ่มมอเตอร์ไซค์วิน ให้ช่วยปราบปรามการบริการขนส่งในแอพพลิเคชั่นแกร็บ (Grab)

ส่วน กลุ่มสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย ขอให้ต่ออายุการใช้งานรถแท็กซี่มิเตอร์จาก 9 ปี เป็น 12ปี รวมทั้งขอปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ที่เหมาะสมด้วย ส่วนกลุ่มรถตู้โดยสาร ได้ขอขยายอายุรถตู้ที่ครบ10 ปี เปลี่ยนเป็นไมโครบัสออกไปอีก 180 วัน จากเงื่อนไขที่กำหนดให้เปลี่ยนเป็นไมโครบัสตั้งแต่1 ต.ค. นี้

“ได้รับทราบปัญหาทั้งหมดแล้ว และได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ไปจัดทำรายละเอียดเรื่องต้นทุนที่ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การปรับอัตราค่าโดยสารของรถแท็กซี่ ขณะที่กลุ่มรถแท็กซี่และจยย.ต้องไปรวบรวมข้อมูลค่าใช้จ่าย และรายได้ต่อวันที่เพียงต่อการดำรงชีวิต จากนั้นให้นำมาหารือเพื่อแก้ปัญหาอีกครั้งในวันที่ 8 ก.ค.นี้ “

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับแอพพลิเคชั่นแกร็บที่ยังไม่ถูกกฎหมาย และถูกมองว่าแย่งอาชีพและรายได้จากผู้ประกอบการรถรับจ้างที่จดทะเบียนถูกต้องนั้น เรื่องนี้จะต้องทำให้ถูกกฎหมายภายใน3 เดือน และไม่ใช่การผูกขาดให้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง ที่สำคัญบริษัทเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่นต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนและเสียภาษีในประเทศไทย เพื่อให้เงินหมุนเวียนในประเทศ อย่างไรก็ตามขณะที่แกร็บยังไม่ถูกกฎหมายหากมาให้บริการและถูกจับก็จะถูกดำเนินคดีทุกกรณี

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของรถตู้โดยสารนั้นเบื้องต้นได้สั่งการให้ขบ.ไปศึกษาว่าทำอย่างไรให้รถตู้มีความปลอดภัย รวมถึงให้พิจารณาเรื่องการปรับเพิ่มความเร็วของรถโดยสารว่าควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ที่จะมีความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเพิ่มความเร็วรถในถนนขนาด4 ช่องจราจรขึ้นไปไม่เกิน 120 กม/ชม. ทั้งนี้ได้นัดให้มาประชุมหาทางออกให้ได้ข้อสรุปร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 9 ส.ค.นี้