สายปาร์ตี้-สายบันเทิงมีเฮ! ศบค.เคาะอนุญาตเปิด “ผับ-บาร์-อาบ อบ นวด” เริ่ม 1 มิ.ย.นี้ ย้ำต้องทำตามกฎ

  • คลายล็อกให้จำหน่าย-บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 24.00 น.
  • งดกิจกรรมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วเดียวกัน
  • ใช้บริการ อาบ อบ นวด ต้องสวมหน้ากาก ไม่ต้องโชว์ผลตรวจโควิด ให้โชว์ผลการฉีดวัคซีน

วันนี้ (20 พ.ค.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ จากเดิมมีพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 65 จังหวัด ปรับลดลงเหลือ 46 จังหวัด และเพิ่มพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 14 จังหวัด ประกอบด้วย ชัยนาท ตราด นครพนม น่าน บุรีรัมย์ พิจิตร อ่างทอง มหาสารคาม ยโสธรลำปาง สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ อุดรธานี และอำนาจเจริญ พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) จาก 12 จังหวัด เป็น 17 จังหวัดประกอบด้วย กระบี่ กทม. กาญจนบุรี จันทบุรี ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ นครราชสีมา นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานีประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง สงขลา

ทั้งนี้ สำหรับมาตรการในพื้นที่สีเหลือง ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มคนเกิน 1,000 คน ขณะที่มาตรการในพื้นที่สีเขียวและฟ้านั้น จัดกิจกรรมต่างๆ ได้ตามความเหมาะสม 

นอกจากนี้ ศบค.ยังผ่อนคลายให้สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะอาบ อบ นวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเปิดดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65 โดยให้จำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 24.00 น. งดกิจกรรมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก้วเดียวกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“ส่วนการให้บริการที่มีการคลุกคลีและสัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้า เช่น อาบ อบ นวด ต้องสวมหน้ากาก โดยผู้รับบริการไม่ต้องโชว์ผลตรวจโควิด เพียงแต่โชว์ผลการฉีดวัคซีน พร้อมกับขอความร่วมมือกลุ่ม 608 งดหรือเลี่ยงเข้าพื้นที่เหล่านี้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนมาตรการของสถานประกอบการ ผู้ให้บริการ นักร้อง นักดนตรี ต้องได้วัคซีนตามเกณฑ์และได้รับเข็มกระตุ้น ตรวจคัดกรองความเสี่ยงพนักงานทุกวัน และตรวจเอทีเคทุก 7 วัน สถานบริการต้องขึ้นทะเบียนและขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์มไทยสตอปโควิด อีกทั้งต้องให้กระทรวงมหาดไทย กทม. กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดติดตามอย่างใกล้ชิด 

“นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า หากเปิดได้และทำได้ดี ก็สนับสนุนให้ทำต่อ แต่ก็ได้แจ้งหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า ถ้าทำได้ไม่ดี ไม่สอดคล้องกับมาตรการ เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ ก็สามารถใช้อำนาจเข้าไปตรวจสอบ และสั่งปิดการบริการได้เพื่อความปลอดภัย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว