สาธาณสุข ออกโรงแจง “รพ.นครพนม” ได้รับงบพัฒนาศักยภาพต่อเนื่อง

  • ปี2565 ได้รับการจัดสรรงบลงทุน 137 ล้านบาท ปี 66 อีก 138 ล้านบาท
  • พร้อมเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพลุ่มน้ำโขง
  • ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประตูสู่อินโดจีน

นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 กล่าวถึงกรณีมีการตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการงบประมาณด้านสาธารณสุขของภาครัฐ หลังมีการจัดกิจกรรม One Man & The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ เพื่อระดมทุนจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว ว่า กระทรวงสาธารณสุขไทย และสปป.ลาว มีการลงนามว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข ตั้งแต่ปี 2559 ใน14 ประเด็น เช่น การป้องกันควบคุมโรค การเฝ้าระวังโรคติดต่อ การพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการ ระบบบริการสุขภาพ ศักยภาพของบุคลากร เป็นต้น มีการจับคู่จังหวัดชายแดนของไทย กับสปป.ลาว โดยจังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดคู่ขนานกับแขวงคำม่วน ในปีงบประมาณ 2565 มีความร่วมมือดำเนินงานสาธารณสุขชายแดนหลายเรื่อง ทั้งการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคติดต่อ การรักษาพยาบาลและการส่งต่อผู้ป่วย ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดสรรงบประมาณให้กับสถานบริการในจังหวัดนครพนมอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการให้บริการ รวมถึงการพัฒนาเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพลุ่มน้ำโขง ( R8- Medical Hub) และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประตูสู่อินโดจีน

 นพ.ปราโมทย์กล่าวต่อว่า ในปีงบประมาณ 2565 จังหวัดนครพนมได้รับการจัดสรรงบลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์ จำนวน 137 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2566 อีก 138 ล้านบาท เฉพาะโรงพยาบาลนครพนม ปีงบประมาณ 2565 ได้รับการจัดสรรงบลงทุนจำนวน 4,730,000 บาท เพื่อใช้ในการพัฒนาเตียงผ่าตัดด้านศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์และกระดูกสันหลังชนิดเอกซเรย์ผ่านได้, กล้องส่องตรวจทางเดินหายใจ ชนิดโค้งงอได้ ชนิดวิดีทัศน์ พร้อมอุปกรณ์แสดงผลที่จอภาพ เพื่อช่วยในการตรวจทางเดินหายใจและใส่ท่อช่วยหายใจ และเตียงผู้ป่วยสำหรับไอซียูปรับด้วยไฟฟ้าชนิด 4 มอเตอร์ รวมถึงได้รับการจัดสรรงบค่าเสื่อมครุภัณฑ์อีก 9.83 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2566 ได้รับการจัดสรรงบลงทุน 1,500,000 บาท เป็นเครื่องตรวจกล้ามเนื้อด้วยคลื่นไฟฟ้า (EMG) และงบค่าเสื่อมครุภัณฑ์อีก 9.3 ล้านบาท และยังมีครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจากรายการงบลงทุนโรงพยาบาลอีกหลายรายการ ขณะที่สถานการณ์เงินบำรุงของโรงพยาบาลในปีงบประมาณ 2565 มีความมั่นคงทางการเงินในระดับปกติ เงินบำรุงคงเหลือหลังหักหนี้แล้วอยู่ที่ราว 11.28 ล้านบาท

สำหรับโรงพยาบาลนครพนม มีแผนพัฒนาศักยภาพการให้บริการโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์ โดย ปี 2566-2567 จะพัฒนาศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือดชายแดน ศูนย์ฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง ศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก (โดยความร่วมมือของ สถาบันพระบรมราชชนก และมหาวิทยาลัยนครพนม) และแผนกผู้ป่วยในด้านจิตเวชและยาเสพติด สำหรับการจัดกิจกรรมระดมทุนของบุคคลหรือองค์กรต่างๆ ถือเป็นความตั้งใจดีที่ต้องการทำความดีช่วยเหลือสังคมผ่านการสนับสนุนให้กับโรงพยาบาล ซึ่งเงินบริจาคส่วนนี้จะถูกนำมาสมทบกับงบประมาณที่โรงพยาบาลได้รับจัดสรร เพื่อใช้จัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ตามความประสงค์ของผู้บริจาคและตามแผนการพัฒนาระบบบริการของโรงพยาบาลต่อไป