สหรัฐฯ-ซาอุฯ-ไนจีเรียพบติดเชื้อ “โอไมครอน” รายแรก

.เกาหลีใต้พบรวดเดียว 5 รายแรกเพิ่งกลับจากไนจีเรีย

.ส่วนญี่ปุ่นพบรายที่ 2 เยอรมนีพบเพิ่มอีก 4 ราย

.อังกฤษลั่นมีผู้ติดเชื้อแล้วรวม 22 รายคาดยอดเพิ่มอีก

“โอไมครอน” ลามหนัก สหรัฐฯ-ซาอุฯ-ไนจีเรีย พบผู้ติดเชื้อรายแรกแล้ว เดินทางกลับจากประเทศในแอฟริกา ส่วนเกาหลีใต้ พบรวดเดียว 5 รายแรกเพิ่งกลับจากไนจีเรีย ส่วนญี่ปุ่น พบรายที่ 2 เยอรมนี พบเพิ่มอีก 4 ราย ด้านอังกฤษ ระบุ มีผู้ติดเชื้อแล้วรวม 22 ราย คาดเพิ่มขึ้นอีกแน่

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐยืนยันว่า พบชาวอเมริกันที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกแล้ววานนี้ (1ธ.ค.) โดยเดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ ถึงสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. และมีผลตรวจเชื้อเป็นบวกในช่วง 7 วันหลังจากนั้น

นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ขณะนี้ได้ถูกกักตัวแล้ว ส่วนผู้ที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนี้ทุกคนมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องใช้เวลาราว 2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น จึงจะทราบว่าไวรัสโอไมครอน สามารถแพร่ระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายเพียงใด จะก่อให้เกิดอาการรุนแรงมากเพียงใด และสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้หรือไม่

ขณะที่ หน่วยงานด้านสาธารณสุขของซาอุดีอาระเบีย ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรก ที่มาจากประเทศในแถบแอฟริกาเหนือ ส่วนศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของไนจีเรีย (NCDC) ระบุวันนี้ (2 ธ.ค.) ว่า ไนจีเรียตรวจพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนเป็นครั้งแรก โดยเป็นนักเดินทาง 2 คนที่มาจากประเทศแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้ว 5 รายแรกของประเทศ เป็นคู่สามีภรรยา ที่เดินทางไปไนจีเรียเมื่อวันที่ 14-23 พ.ย.ที่ผ่านมา และถึงเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 24 พ.ย. โดยมีผลตรวจเป็นบวกในวันถัดมา อีก 1 รายเป็นบุคคลใกล้ชิด ส่วนอีก 2 รายเป็นผู้หญิง ซึ่งเดินทางไปไนจีเรียเมื่อวันที่ 13-22 พ.ย. มีผลตรวจเป็นบวกเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วนต้องสงสัยติดเชื้อโอไมครอน ที่อยู่ระหว่างการวิเคราะห์อีก 4 ราย ทั้งนี้ วานนี้ (1ธ.ค.) เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อโควิดรายวันอยู่ที่ 5,123 รายในรอบ 24 ชั่วโมง สูงสุดนับตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนม.ค.63

ด้านญี่ปุ่น ยืนยันตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนเป็นรายที่ 2 เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้สั่งห้ามชาวต่างชาติทั้งหมด เดินทางเข้าประเทศ หากเพิ่งเดินทางไปยัง 10 ประเทศในทวีปแอฟริกา

โดยนายฮิโรคาซุ มัตสึโน หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงว่า ชายที่ติดเชื้อเป็นรายที่ 2 มีอายุประมาณ 20 ปี เดินทางมาจากประเทศเปรู มาถึงสนามบินนาริตะเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา และตรวจพบเชื้อโอไมครอน ขณะนี้ถูกกักตัวอยู่ที่หน่วยบริการทางการแพทย์แห่งหนึ่ง หลังจากการพบผู้ติดเชื้อรายแรก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่การทูตชาวนามิเบีย วัยประมาณ 30 ปี เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นจะสั่งห้ามชาวต่างชาติทั้งหมดเข้าประเทศ รวมถึงผู้มีถิ่นพำนักอาศัยที่ถือวีซ่าระยะยาวด้วย หากเพิ่งเดินทางไปยังประเทศแองโกลา, บอตสวานา, เอสวาตีนี, เลโซโท, มาลาวี, โมซัมบิก, นามิเบีย, แอฟริกาใต้, แซมเบีย และซิมบับเว

ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขในรัฐบาเดิน-เวอร์ทเทมแบร์ก ของเยอรมนี เผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอน 4 รายในภาคใต้ของเยอรมนี แม้ทั้งหมดฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดย 3 รายแรก เดินทางกลับจากการไปทำธุรกิจที่แอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 26 และ 27 พ.ย. ส่วนรายที่ 4 เป็น 1 ในสมาชิกครอบครัวของผู้ติดเชื้อ 3 รายแรก ซึ่งทั้งหมดได้ถูกกักตัวแล้ว และมีอาการอยู่ในระดับปานกลาง

ส่วนนายซาจิด จาวิด รมต.สาธารณสุขอังกฤษ เผยว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้ว 22 รายในสหราชอาณาจักร และคาดว่า จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น