สศอ.ชี้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปีนี้โต 5.2% ปี 65 โตต่อเนื่อง

  • มั่นใจมาตรการควบคุมโควิด ‘โอไมครอน’ ไทยเอาอยู่
  • จับตาราคาพลังงานสูง-แรงงานขาดแคลน
  • การเร่งฉีดวัคซีนเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในประเทศ

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) เปิดเผยว่าสศอ.คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เอ็มพีไอ) ปี 2564 โต 5.2% จากเดิมคาดไว้ที่ 4-5% และผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรม คาดโต 3.9% จากเดิมคาดไว้ที่ 3-4% ส่วนปี 2565 คาดเอ็มพีไอโต 4-5% และจีดีพีภาคอุตสาหกรรมโต 2.5-3.5% เนื่องจากสถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากหลายประเทศได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก เห็นได้จากมีคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเพื่อใช้ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ สะท้อนได้จากตัวเลขการส่งออกปี 2564 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 15-16% อีกทั้งมีการควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมได้ดี

สำหรับเอ็มพีไอดือนต.ค.2564 อยู่ที่ระดับ 97.99 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.91% อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 64.07% ส่วนภาพรวม 10 เดือนของปีนี้เอ็มพีไออยู่ที่ระดับ 97.26 เพิ่มขึ้น 5.93% ซึ่งถือว่ากลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 63.26 ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น โดยอุตสาหกรรมส่งผลบวกในเดือนต.ค.2564 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.02% ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัว 12.41% น้ำมันปิโตรเลียมขยายตัว 6.26% เฟอร์นิเจอร์ขยายตัว 36.17% ผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ ขยายตัว 12.88% สะท้อนได้จากดัชนีแรงงานอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 93.99 เทียบกับเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 93.31

“การออกมาตรการลดค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 เช่น โครงการคนละครึ่ง, โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น อีกทั้งนโยบายการเปิดประเทศของไทยเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2564 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนและแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ลดลง เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม”

ทั้งนี้ยังคงต้องจับตาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ระลอกใหม่อย่างใกล้ชิด ซึ่งแม้จะมั่นใจว่ามาตรการควบคุมโรคระบาดและการกระจายฉีดวัคซีนในไทยจะดำเนินการได้ดี แต่หลายประเทศได้กลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของโลก รวมทั้งราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมหลังการคลายล็อกดาวน์ 

นายทองชัย กล่าวต่อว่า สศอ.ประเมินว่าในเดือนพ.ย.2564 มีสัญญาณของสถานการณ์การผลิตปกติต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดีขึ้น หลังจากที่ส่งผลกระทบให้ดัชนีหดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2562 โดยภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นสอดรับกับการเปิดประเทศและคู่ค้าหลักขยายตัวได้ดีขึ้นตามคำสั่งซื้อใหม่เพื่อการส่งออก และคาดว่าจะส่งสัญญาณปกติจนถึงเดือนธ.ค.2564 และเดือนม.ค.2565