สลากกินแบ่งรัฐบาลขึงขัง! ตรวจสอบคนรับโควตาสลากไปขายยกเล่ม ถือว่าทำผิดเงื่อนไขสัญญา

  • เดินหน้าแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัย
  • ปรับเพิ่มบทลงโทษขายเกินราคา ขายยกเล่ม
  • ย้ำสลากดิจิทัล เป็นทางเลือกให้ประชาชนเลือกซื้อได้ในราคาใบละ 80 บาท

นายลวรณ แสงสนิท  อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า  ได้สั่งการให้สำนักงานสลากฯ ตรวจสอบอย่างเข้มข้น กรณีผู้ที่ได้รับสลากไปแล้ว แต่นำไปขายยกเล่มให้กับผู้ค้ารายอื่นๆ ถือว่าเป็นการทำผิดเงื่อนไข และผิดสัญญากับสำนักงานสลากฯ  ขณะเดียวกันขั้นตอนการตรวจสอบก็เข้มข้นขึ้นเช่นเดียวกัน ตั้งแต่การรับสสากใบ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ได้ใช้ระบบสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตนในการรับสลากทุกครั้ง ไม่สามารถรับแทนได้

นอกจากนี้ยังได้การร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)​ช่วยสอดส่องการขายยกเล่ม และการตรวจสอบสลากที่นำมาขึ้นรางวัล ด้วยการตรวจสอบจากสถิติการมาขึ้นรางวัล เช่น  1 คน มาขึ้นรางวัล 5,000 ใบ  ก็ต้องตรวจสอบว่าสลากนี้ เป็นของผู้รับโควตาคนใด จากนั้นก็จะตรวจสอบในเชิงลึกว่า ได้นำไปขายยกเล่มหรือไม่ หากนำไปขายยกเล่ม ก็ต้องยึดโควตาคืน เพื่อนำไปจัดสรรให้ผู้ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ค้าสลากรายย่อยกับสำนักงานสสลากฯต่อไป 

“สำนักงานสลากฯจะเข้มข้นในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ค้าสลาก ที่ได้รับโควตาไปแล้ว ทำตามเงื่อนไขสัญญา ไม่ขายยกเล่มเป็นหลักก่อน เพราะการขายยกเล่ม คือ การทำให้สลากราคาแพง ส่วนปัญหาสลากราคาแพงยังคงมีอยู่นั้น หากผู้ซื้อจะซื้อสลากเกินราคา ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อ  ขณะเดียวกันก็มีทางเลือกให้ซื้อสลากราคา 80 บาทแล้ว ซึ่งขณะนี้มี 16-17 ล้านใบในตลาด ทั้งสลากดิจิทัลและสลากใบ ตามจุดโครงการสลาก 80 ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ”

นายลวรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้สำนักงานสลากฯ อยู่ระหว่างการทบทวนพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบ (ฉบับที่2 ) พ.ศ.2562 ซึ่งจะครบ 5 ปีที่ประกาศใช้ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกฎหมาย ไปศึกษารายละเอียดการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน  รวมถึงบทลงโทษให้หนักขึ้น ทั้งขายเกินราคา และการนำสลากไปขายยกเล่มด้วย 

สำหรับพ.ร.บ.สำนักงานสลาก ฉบับที่ 2 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.62 ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญเรื่องการระวางโทษปรับผู้ที่ขายสลากเกินราคาโดย มาตรา 39 ระบุว่า ผู้ใดเสนอขายหรือขายสลากราคาเกินกว่าที่กำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

ส่วน มาตรา 39/1 และมาตรา 39/2 ระบุว่าหากผู้ใดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในสถานศึกษา ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากผู้ใดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทเช่นกัน 

นายลวรณ กล่าวต่อว่า จากที่สำนักงานสลากฯ ได้ดำเนินการออกผลิตภัณฑ์สลากดิจิทัล หรือหวยดิจิทัล ซื้อผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง มาทั้งหมด 12 ครั้งที่ผ่านม ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างทางเลือกให้ประชาชน ได้ซื้อสลากฯในราคา 80 บาท  โดยเฉลี่ยประชาชนจะซื้อสลากคนละ 3-5 ใบต่องวด  ส่วนกลุ่มคนที่ซื้อจำนวนชุดเกิน 10 ใบ ก็ยังคงเป็นกลุ่มคนเดิมๆ ที่ซื้อมาตั้งแต่งวดแรก ซึ่งถ้าดูจากพฤติกรรมการแล้ว ก็คงจะเป็นคนชอบซื้อสลากเป็นประจำ เมื่อหาซื้อได้ในราคาใบละ 80 บาท  ก็พอใจแล้ว

ส่วนการเพิ่มจำนวนสลากดิจิทัลอีกหรือไม่นั้น  คาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าว หารือในที่ประชุมอบอร์ดสลากปลายเดือนธ.ค.นี้  สำหรับงวดปัจจุบันสลากดิจิทัลอยู่ 16.24 ล้านใบ เพิ่มจากงวดที่แล้วราว 620,000 ใบ  ถือว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสม ทำให้ประชาชนมีทางเลือกซื้อสลากดิจิทัล โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีสลากใบละ 80 บาท ให้ประชาชนได้เลือกซื้อในสัดส่วน 20 ล้านบาท จากจำนวนสลากทั้งระบบ 100 ล้านบาท  

“การจำหน่ายสลากดิจิทัลในงวดที่ 10-12  ไม่ถือว่าอืด เพราะเป็นไปตามที่สำนักงานสลากฯตั้งใจ คือ เปิดขายตั้งแต่วันแรก ถึงก่อนวันออกรางวัล เพื่อให้เป็นกลไก มิให้ ขายสลากเกินราคา  และเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้หาซื้อสลากได้ในราคา 80 บาท เราห้ามใครซื้อสลากเกินราคาไม่ได้ แต่เรามีทางเลือกให้ซื้อแล้ว”​