สร้างเยาวชนที่มีคุณภาพ… “คิง เพาเวอร์” ลุยต่อเนื่อง ‘โครงการ 100 สนามฟุตบอล’ พร้อมจัดอบรมหลักสูตรบริหารสนามหญ้าเทียมอย่างยั่งยืน

  • วางรากฐานการบริหารจัดการสนามฟุตบอลอย่างมืออาชีพ
  • เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการบริหารจัดการสนามฟุตบอลหญ้าเทียม
  • เผย 11 สนาม ที่ได้รับการคัดเลือกในปี 65 จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน มี.ค.66
  • พร้อมดึง โค้ชจุ่น – อนุรักษ์ ศรีเกิด ร่วมเผยเคล็ดลับการฝึกซ้อมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมศักยภาพคนไทยในด้านกีฬาทุกมิติ โดยล่าสุดได้จัด โครงการอบรมหลักสูตรบริหารจัดการสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอย่างมืออาชีพ ปีที่ 5 วางรากฐานการบริหารจัดการสนามฟุตบอลอย่างมืออาชีพ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการบริหารจัดการสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการดูแล และการบำรุงรักษาสนามฟุตบอลอย่างถูกวิธี เพื่อส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน ให้กับผู้ที่ได้รับมอบสนามฟุตบอลในโครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ปี 5 จำนวน 11 แห่ง ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ

โดยกิจกรรมดังกล่าวนี้ จะเน้นบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะด้านกีฬา การบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ และการส่งเสริมสนับสนุนการบริหารจัดการสนามฟุตบอลอย่างมืออาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นรากฐาน และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของคนไทยไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จทั้งในด้านกีฬา เศรษฐกิจชุมชน อย่างเข้มแข็ง

นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเวอร์ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้ในด้านการบริหารจัดการสนามฟุตบอลหญ้าเทียมอย่างถูกวิธี เพื่อให้สนามฟุตบอลอยู่คู่กับโรงเรียน และชุมชนได้อย่างยั่งยืนตลอดจนต่อยอดไปสู่การพัฒนาศักยภาพคนไทยที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลให้สามารถเดินตามความฝันได้สำเร็จ สำหรับ11 สนามที่ได้รับการคัดเลือกในปี 2565 จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2566 พร้อมมีการตรวจสอบคุณภาพสนามตามมาตรฐาน FIFA

ด้านนายวุฒิพงษ์ โภชฌงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม จังหวัดนครพนม กล่าวว่า เดิมทีเด็กๆ ในโรงเรียนอาศัยหญ้าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มาดัดแปลงเป็นสนามฟุตบอล พื้นเรียบบ้าง ขรุขระบ้าง ให้เด็กๆ ที่เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนประมาณ 80 คน ไว้ใช้ฝึกซ้อม 

“วินาทีที่รู้ว่าโรงเรียนได้สนามฟุตบอลหญ้าเทียมจาก คิง เพาเวอร์ เด็กๆ ดีใจกันมาก เพราะว่าสนามมาตรฐานสากลไม่สามารถหามาซ้อมได้ง่ายๆ ถ้าเกิดอยากไปซ้อมสนามดีๆ ในจังหวัดนครพนม ต้องเดินทางกว่า 60 กิโลเมตร เพื่อไปเล่นในอีกอำเภอหนึ่ง เด็กๆ รอวันนี้ และอยากเห็นสนามเร็วๆ” นายวุฒิพงษ์ กล่าว

นายวุฒิพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่สำคัญจะนำประโยชน์ที่ได้จากการเข้าอบรมฯ ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมตั้งเป้าหมายว่า หลังจากที่ได้สนามฟุตบอลแล้ว จะพยายามทำให้นักเรียนของเราติดเยาวชนทีมชาติอย่างน้อย 
1 คน ภายใน 2 ปี

ด้านโค้ชจุ่น อนุรักษ์ ศรีเกิด อดีตโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า การฝึกซ้อมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จ จะต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบการฝึกที่เข้มข้น เพื่อพัฒนาทีมให้ประสบความสำเร็จ ได้แก่ 1.การตั้งเป้าหมายในการฝึกซ้อมเวลาฝึกแต่ละครั้งควรตั้งเป้าหมายว่า เด็กจะได้อะไรกลับไป เช่นฝึกในเรื่องกำลังฟิตเนส ทักษะเบสิค เกมรุก รวมไปถึงเรื่องความคิดการวางแผนการทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยให้เยาวชนมีเป้าหมายที่ชัดเจน

2.การจัดตารางการแข่งขัน ควรมีทัวร์นาเมนต์ หรือรายการแข่งขันมารองรับให้เด็กๆ รู้สึกว่าซ้อมมาเพื่ออะไร สิ่งที่เราซ้อมมาสัมฤทธิ์ผลขนาดไหน

3.พัฒนาทักษะนักกีฬาเฉพาะบุคคล เมื่อเราต้องการทีม ทีมคือผู้เล่นที่ดีที่สุด เราก็ควรจะมองว่าคนที่มาคัดตัว เขายังขาดเรื่องอะไร พร้อมคัดกรองแบ่งเป็นประเภทกลุ่มที่มีคุณภาพอยู่แล้ว ก็ควรทำงานร่วมกัน กลุ่มที่อยู่ระดับปานกลางเราก็คัดและหาคนที่ดีที่สุด ส่วนคนที่ทักษะช้าที่สุด ควรจะมองว่าจะช่วยเขาอย่างไร และใครที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะถูกขยับเลื่อนระดับสูงขึ้น นี่คือการคัดตัวที่มีคุณภาพ

สำหรับโรงเรียนและชุมชน 11 แห่ง ที่ได้รับมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมปีที่ 5 ได้แก่ เทศบาลตำบลธรรมมามูล จังหวัดชัยนาท, โรงเรียนบ้านแซววิทยาคม จังหวัดเชียงราย, โรงเรียนบ้านตาก ประชาวิทยาคาร จังหวัดตาก, โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนม จังหวัดนครพนม, โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม จังหวัดบุรีรัมย์, โรงเรียนบ้านประพาส จังหวัดปราจีนบุรี, โรงเรียนก้านเหลืองดง จังหวัดมุกดาหาร, โรงเรียนศรีธรรมวิทยา จังหวัดยโสธร, โรงเรียนอัมพวันวิทยาลัย จังหวัดสมุทรสงคราม, โรงเรียนเกาะพงันศึกษา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโรงเรียนวิเศษไชยชาญ 
ตันติวิทยาภูมิ จังหวัดอ่างทอง 

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ภายใต้คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ได้ที่ Facebook : King Power Thai Power พลังคนไทย