สรรพากร ยัน! ไม่มีนโยบายรีดภาษีผู้ค้า “คนละครึ่ง”

  • ชี้ร้านค้าดังกล่าวทำธุรกิจอื่นด้วย
  • ทำให้ถึงฐานรายได้ที่ต้องเสียภาษี
  • ชี้ทำเพื่อความเป็นธรรม

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากรมสรรพากรเข้าไปจัดเก็บภาษีผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลว่า กรมฯไม่ได้มีนโยบายจะเข้าไปจัดเก็บภาษีร้านค้าคนละครึ่งตามที่เป็นคนข่าวแต่อย่างใด แต่ที่ตรวจสอบและพบว่า เป็นร้านค้าคนละครึ่งที่เข้าข่ายการเสียภาษีนั้น เป็นเพราะร้านค้าดังกล่าวได้ทำธุรกิจอื่นๆด้วย เช่น ธุรกิจค้าขายผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งผู้ค้าเหล่านี้ จะมีฐานรายได้ที่เข้าข่ายต้องเสียภาษี

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ตนและกรมฯได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาษีของผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์จำนวนมาก โดยเป็นข้อร้องเรียนในลักษณะที่แจ้งเข้ามาในเรื่องของความไม่เป็นธรรมในการเสียภาษีจากผู้ประกอบธุรกิจในรายที่เสียภาษีอย่างถูกต้อง เมื่อกรมฯเข้าไปตรวจสอบก็พบว่า ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว มีการเสียภาษีไม่ถูกต้องจริง

“จริงๆมีเรื่องร้องเรียนเรื่องความเป็นธรรม เราไม่มีนโยบายเก็บภาษีร้านค้าคนละครึ่งเลย แต่เป็นเรื่องที่เราไปเจอร้องเรียนออนไลน์เยอะมาก เช่น เรื่องการขายออนไลน์ อีกคนหนึ่งจ่ายภาษีถูกต้อง อีกคนจ่ายไม่ถูกต้อง ก็มีการร้องเรียนกันเองกันเยอะมาก ทั้งประเทศ ถ้าไม่ทำ ก็เกิดการไม่แฟร์”

โดยเวลาไปตรวจสอบเรามักจะพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ที่มีรายได้ ก็ไม่ได้มาจากคนละครึ่ง ที่เป็นดราม่า เพราะเขาขายคนละครึ่งด้วย แต่พอโชว์สเตรทเมนท์ กลับเป็นแบงก์อื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมคนละครึ่ง ซึ่งคนละครึ่งใช้ผ่านแอพของธนาคารกรุงไทย  ฉะนั้น ไม่ใช่เราจับคนละครึ่ง ที่ทำเพราะความเป็นธรรม