- เริ่มเปิดให้บริการ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต สาขาแรก
- เปิดกลยุทธ์ใหม่ดึงลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่พำนักในไทย จัดหนักลดราคามากขึ้น
- สาขาแรกลงทุน 4,000 ล้านบาท ส่วนแผนเปิดสาขา 2 และ 3 ชะลอไว้ก่อน
นายไมเคิล ถัง กรรมการผู้จัดการ สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเผยว่า เนื่องจากมาตรการเข้มงวดห้ามนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายในสัดส่วน 60% และคนไทย 40% ทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าชาวไทยในสัดส่วน 80% และต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มคนที่อาศัยและทำงานในไทยและนักท่องเที่ยวที่ตกค้างในสัดส่วน 20%
สำหรับเป้าหมายการเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังคงตั้งเป้ามีลูกค้าเข้าหมุนเวียนมาใช้บริการวันละ 10,000 คนเช่นเดิมโดยจะเป็นผู้พักอาศัยในกรุงเทพ ปริมณฑลและในจังหวัดชลบุรี เพียงแต่ต้องเพิ่มกลยุทธ์การสื่อสารให้คนไทยให้มีการรับรู้มากขึ้นว่า พรีเมียม เอาท์เล็ต คืออะไร อยู่ที่ไหน โดยที่ช้อปในสยามพรีเมียม เอาท์เล็ต เปิดให้บริการไปแล้ว 65% และคาดว่าภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 80%
“เราพยายามใช้กลยุทธ์ทางด้านราคามากระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ จากปกติร้านค้าจะลดราคา 35-70% และมีการลดออนท็อปเพิ่มขึ้นอีก 10-20% และธนาคารพันธมิตรเพื่อลดเพิ่มเติมจากการใช้บัตรอีก 10-20%” สยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 150 ไร่ ตรงถนนมอเตอร์เวย์ขาออก กม.ที่23 ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 15 นาที โดยเฟสแรกใช้เนื้อที่ไป 100 ไร่ลงทุนไปแล้ว 4,000 ล้านบาท
นายไมเคิล กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้แน่นอนว่าไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายเพราะผลกระทบจากการวิกฤตโควิด-19 ทุกประเทศก็เหมือนกันหมด ทางบริษัทมองการบริหารต้นทุนเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าเพราะเป็นจุดที่สามารถควบคุมได้
สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ โดย สยามพิวรรธน์ ไซม่อน คือปรากฏการณ์การผนึกกำลังระหว่างสองผู้นำแห่งวงการค้าปลีกระดับโลก ได้แก่ ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพม์เพื่อการอันดับหนึ่งของโลก จากสหรัฐอเมริกา มีเอาท์เล็ตและพรีเมี่ยม เอาท์เล็ตกว่า 200 แห่ง ในสหรัฐและเริ่มบุกตลาดในเอเชีย โดยในญี่ปุ่นมี 10 แห่ง เกาหลีใต้ 5 แห่ง มาเลเซีย 1 แห่ง และไทย 1 แห่ง ได้ร่วมกับบริษัทสยามพิวรรธน์ ตามแผนเดิมจะขยายอีก 2 สาขา แต่เกิดวิกฤตโควิดทำให้ต้องชะลอไปก่อน
ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ มีความสนใจการลงทุนในประเทศไทยมาก เพราะเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติปีที่ผ่านมาเข้ามาท่องเที่ยวกว่า 50 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของการลงทุนในธุรกิจพรีเมี่ยม เอ้าท์เล็ต
โดยโมเดลธุรกิจของพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต จะร้านค้าลักชัวรี่ระดับโลกจริงๆ นำโดย Burberry, Balenciaga และ Bally เป็นต้น พร้อมกับแบรนด์แฟชั่นอินเตอร์ชั้นนำ แบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์กีฬาดัง กว่า 200 แบรนด์ มาให้ช้อปในราคาที่คุ้มค่า โดยทำเลที่ตั้งจะอยู่นอกเมือง
#สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต #SiamPremiumOutlet #Outlet #CentralVillage #เซ็นทรัลวิลเลจ