สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยผนึกภาคีเครือข่ายออกแถลงการณ์

  • รุกเสนอ 6มาตรการให้รัฐบาล
  • ฉุดเอสเอ็มอีทั้งประเทศพ้นจากหลุม
  • เหตุเผชิญวิบากกรรมล็อคดาวน์

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า สมาพันธ์ฯ และภาคีพันธมิตรเครือข่าย 24องค์กรได้มีมติออกแถลงการณ์เสนอมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาจากผลกระทบการล็อกดาวน์ 13จังหวัดที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ต่างๆต้องหยุดลงซึ่งส่งผลให้ เอสเอ็มอีจำนวนมากมีรายได้ที่ลดลง รวม6 มาตรการ

ประกอบด้วย 1.มาตรการพักต้น พักดอกเบี้ยเป็นเวลา6 เดือน และไม่คิดดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาการพักต้น สำหรับกลุ่มลูกหนี้ เอสเอ็มอี เดิม ทั้งที่ได้รับผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ให้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังมีอย่างต่อเนื่องและไม่มีแนวโน้มที่จะยุติ ส่งผลต่อเอสเอ็มอี อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

2. มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แบ่งเป็น 2.1 สำหรับเอสเอ็มอี ที่มีสินเชื่ออยู่ในระบบสถาบันการเงิน เป็นลูกหนี้เดิมมีการผ่อนชำระดีไม่เป็น เอ็นพีแอล มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่อปีสูงกว่า 5 % ให้ลดลงมาคงที่ 4% ซึ่งต้องการให้รัฐบาลช่วยอุดหนุนอัตราดอกเบี้ยส่วนที่ลดให้กับลูกหนี้เดิมแก่สถาบันการเงิน 1% โดยขอให้ลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับเอสเอ็มอี ไม่เกินอัตรา 4% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี และ2.2 เอสเอ็มอี ที่มีสินเชื่ออยู่กับแหล่งเงินกู้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์ ) เป็นลูกหนี้เดิมมีการผ่อนชำระดีไม่เป็น เอ็นพีแอล มีอัตราดอกเบี้ยและค่าบริการที่สูงมาก จึงขอเสนอให้ลดดอกเบี้ยและค่าบริการลดลงมากึ่งหนึ่ง จนครบอายุสัญญา

3.มาตรการสินเชื่อ (ซอฟต์โลน) สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท พิจารณากำหนดวงเงินให้กู้จากกระแสเงินสดสุทธิ จากบัญชีเงินฝากธนาคาร ไม่นำงบการเงิน มาเป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์การให้สินเชื่อเป็นเวลา 2 ปี ทั้งนี้เนื่องจากงบการเงินของผู้ประกอบการ อยู่ในระหว่างการปรับตัวเข้าสู่ระบบบัญชีเดียว จึงไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างสะท้อนความเป็นจริง

4.ขอให้ ยกเว้นตรวจสอบข้อมูลเครดิตหรือเครดิตบูโร เนื่องจากในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมมีผลกระทบที่ไม่ดีต่อข้อมูลเครดิตของเอสเอ็มอี อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของผู้ประกอบการ จึงขอเสนอให้สถาบันการเงินไม่นำข้อมูลเครดิตหรือเครดิตบูโร ในช่วงการแพร่ระบาดมาพิจารณาการให้สินเชื่อ เป็นเวลา 2 ปี

5. มาตรการกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ ในปัจจุบันได้มีการยกร่าง พระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ พ.ศ. …. จึง ขอให้ผลักดันกองทุนนี้ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และขอเสนอให้มีคณะกรรมการบริหาร ที่ต้องให้สัดส่วนของภาคเอกชน เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน สื่อมวลชนที่สามารถมีส่วนร่วมได้ในทุกระดับ เปิดโอกาสให้ เอสเอ็มอี มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ แข่งขันได้มากขึ้น สามารถสร้างแต้มต่อในการแข่งขันทางการตลาดได้ในอนาคต เมีต้นและทำให้ เอสเอ็มอี เข้าสู่ระบบฐานภาษีได้เพิ่มขึ้น

6. กองทุนฟื้นฟู เอ็นพีแอล เพื่อการพัฒนา เอสเอ็มอีเพราะ จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาพบว่า มีสินเชื่อทั้งหมด 17,376,812 ล้านบาท และไตรมาส 1 ปีนี้ หากประเมินสถานการณ์กลุ่มสินเชื่อที่มีแนวโน้ม เอ็นพีแอลเอส (ไฟเหลือง) จะพบว่ามีถึง 432,563 ล้านบาท หรือ 13% ของวงเงินสินเชื่อ เอสเอ็มอี ทั้งระบบ โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเกิดโควิด -19 ถึง 258,519 ล้านบาท ( ณ ไตรมาส 4 ปี 2562 ) ดังนั้นกองทุนนี้จะช่วยให้ เอสเอ็มอี ที่เป็น เอ็นพีแอลเอส จากผลกระทบโควิด- 19 และก่อนหน้านี้ ได้รับการดูแล แก้ไข ปรับปรุงหนี้อย่างเป็นระบบมากขึ้นจากปัจจุบัน

#TheJournalistClub #โควิด19 #วัคซีนโควิด #ล็อกดาวน์