สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล ยื่นหนังสือถึง “คลัง” ขอยกเว้นเก็บภาษีคริปโตเคอเรนซี 5 ปี

  • เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมฟินเทคไทยให้เติบโต
  • เหมือนตลาดหุ้น ยังยกเว้นภาษีมาแล้ว 30 ปี 
  • ส่วนวิธีปฏิบัตเสียภาษีกับกรมสรรพากร ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวภายหลังการเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ว่า  เพื่อยื่นหนังสือขอให้รัฐบาลสนับสนุนอุตสาหกรรมฟินเทค ด้วยการยกเว้นการจัดเก็บภาษีคริปโตเคอเรนซี ออกไป 5 ปี เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมฟินเทค และนวัตกรรมการดิจิทัลมากย่ิงขึ้น  เพราะมิเช่นนั้น อาจมีการย้ายไปทำธุรกรรมการซื้อขายในต่างประเทศ ซึ่งไทยก็จะเสียประโยชน์จากการอุตสาหกรรมฟินเทค 

“อยากให้รัฐบาลสนับสนุน ยกเว้นภาษี เหมือนกับการยกเว้นภาษีหุ้น ที่ยกเว้นมาเป็นเวลากว่า 30 ปี่ผ่านมา เนื่องจากการซื้อขายคริปโตเคอเรนซี เกิดมาได้เพียง 2-3 ปีเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลยกเว้นภาษีคริปโตฯเป็นเวลา 5 ปี เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนมากย่ิงขึ้น มิเช่นนั้น อาจมีเงินไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศมากย่ิงขึ้น ส่วนการหารือกับกรมสรรพากร เพื่อหาวิธีการยื่นภาษีเงินได้ธรรมดา เพื่อสะดวกรวดเร็วนั้น อาจไม่ทำได้โดยเร็ว และง่ายๆฉะนั้นจึงขอเสนอให้ยกเว้นภาษี เหมือนตลาดหุ้น“

นอกจากนี้ยังมีประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของสินทรัพย์ดิจิทัลอีก ที่ต้องตีความ หากตีความว่าเป็นสินค้าบริการ ก็จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% เป็นต้น  ดังนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรหาข้อยุติเกี่ยวกับภาษีคริปโตฯให้มีความชัดเจน  รวมถึงต้องสนับสนุนให้อุตสาหกรรมฟินเทค เติบโตไประยะหนึ่งก่อน หลังจากนั้นค่อยๆจัดเก็บภาษี 

นายปริญญ์ กล่าวต่อว่า อีกทั้งยังได้เสนอให้รัฐบาลนำบล็อกเชนมาใช้ในการตรวจสอบงบประมาณของภาครัฐเพื่อลดการทุจริตและคอร์รัปชั่น เช่น การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ รวมทั้งนำระบบบล็อกเชน มาใช้ในการระดมทุน เพื่อทำให้สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สามารถระดมทุนได้คล่องตัวมากขึ้นจากผู้ที่มีเงินทุนส่วนเกินทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ เพราะการระดมทุนผ่านตลาดหุ้นอาจต้องใช้เวลาและมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดกว่า และเสนอว่าภาษีที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนเหล่านี้ก็ต้องไม่เป็นอุปสรรคด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันรัฐบาลไม่ควรออกกฎหมายที่เข้ามาควบคุมการเติบโตของศิลปะดิจิทัล หรือNFT ที่เพิ่งจะเริ่มต้น เพราะอาจทำให้ผู้ประกอบการตลาดศิลปะดิจิทัลหนีไปตลาดต่างประเทศ คนซื้อขายก็จะไปใช้บริการตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ปัจจุบัน  NFT คืออีกช่องทางในการหารายได้เพิ่มของศิลปินรายเล็ก ได้เข้ามาในพื้นที่นี้เพื่อสร้างรายได้ในโลกดิจิทัล