- เหตุเจอผลกระทบพิษสงครามการค้า-ค่าเงินหยวนอ่อน
- เร่งเบิกลงทุนจ่ายไตรมาสสุดท้ายถึง1.3 แสนล้านบาท
- ยังเสียงแข็งยันไม่เปลี่ยนประธานบอร์ดการบินไทย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุน เปิดเผยหลังประชุมกับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ 19 แห่ง รวมถึงผู้บริหารบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ ว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเร่งรัดการลงทุนในรัฐวิสาหกิจเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยกำลังเผชิญกับสงครามการค้า และค่าเงินหยวนที่อ่อนตัวลง ซึ่งกระทบต่อการส่งออก รวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชนด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจบางส่วนเบิกจ่ายถึงเป้าหมายแล้วเช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ส่วนบางกลุ่มยังล่าช้า เพราะมีปัญหาภายในทำให้การลงทุนส่วนนี้ชะลอตัว จึงสั่งให้เร่งรัดการลงทุน โดยเฉพาะโครงการตามปีปฏิทิน และโครงการตามปีงบประมาณ โดยจะให้เน้นลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2562 (ต.ค. – ธ.ค.62)
“ผมได้ให้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้สัญญาว่าถ้าติดขัดอะไรระหว่างกระทรวงหรือหน่วยงานใดก็ตามจะยินดีแก้ไขปัญหาทุกอย่าง และให้รีบดำเนินการโครงการที่แต่หน่วยงานเสนอเข้ามาด้วย”
สำหรับกรณีการรื้อบอร์ดรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคมนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลที่นั่งในตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) แต่ถ้าจากนี้ไปใครทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ให้วัดตามผลงาน และขอยืนยันว่านาย เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ยังนั่งเป็นประธานบอร์ดการบินไทยต่อไป
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องการเบิกจ่ายลงทุน ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เข้มข้นมากขึ้น และให้เร่งประสานงานระหว่างกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การแบ่งจ่ายในช่วงที่เหลือของปีนี้เป็นไปตามแผน โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่จะเร่งเบิกจ่ายจนถึงสิ้นปีประมาณ 130,000 ล้านบาท
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการที่รองนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่งในปีงบประมาณ 2562 ปัจจุบันมีเบิกจ่ายงบลงทุนแล้ว 499,000 ล้านบาท จากงบลงทุนรวมที่ตั้งไว้ 538,963 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่เหลืออยู่นั้นถ้าหากหน่วยงานใดมีความพร้อมก็จะให้เร่งเบิกจ่ายทันที
“กรณีการรื้อบอร์ดรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม ขอยืนยันว่าไม่ใช่การรื้อ แต่เป็นเรื่องปกติที่จะต้องประเมินผู้บริหารและบอร์ดฯ ซึ่งมีการประเมินดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน(KPI) อยู่แล้ว โดยหลักการการพิจารณาผลงานของบอร์ดฯ จะต้องดูว่าตั้งแต่เข้ามานั่งในบอร์ดฯ จนถึงปัจจุบัน รัฐวิสาหกิจแห่งนั้นมีผลงานเป็นอย่างไร เกิดประสิทธิภาพหรือไม่ ส่วนถ้าหากมีการปรับเปลี่ยนอะไรจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะได้ผลสรุปที่ชัดเจน”
