“สมคิด”จัดหนักเตรียมเสนอแพ็กเกจลงทุนคณะรัฐมนตรีอังคารหน้ามั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจ

รองนายกรัฐมนตรีจัดแพ็กเกจเสนอ ครม.อังคารหน้า  คลัง-บีโอไอส่งเสริมการลงทุน  ค่าใช้จ่ายลงทุนหักลดหย่อนภาษีมากกว่า 1.5 เท่า ยืนยันเตรียมแผนรองรับปัญหาเสียบบัตรลงมติงบประมาณปี 63 เตรียมเดินหน้าเจรจา CPTPP ให้คืบหน้า ดันรถไฟฟ้าสายสีส้ม รัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก มุ่งขุดแหล่งน้ำขนาดเล็กดูแลปัญหาภัยแล้ง 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันการลงทุนรองรับปี 2563 ปีแห่งการลงทุนว่า ขณะนี้ได้เตรียมแพ็กเกจกระตุ้นการลงทุนในส่วนกระทรวงการคลังให้นำค่าใช้จ่ายจากการลงทุนหักลดหย่อนภาษีได้มากกว่า 1.5 เท่า หลังจากมาตรการที่เคยออกไปจูงใจเกิดการลงทุนได้กว่าแสนล้านบาทในช่วง 1 ปี สำหรับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เมื่อเสนอบอร์ดบีโอไอแล้ว คาดว่าเสนอ ครม.เห็นชอบสอดรับกับกระทรวงคลังได้ด้วยการแก้ไขระเบียบเพิ่มเติม

สำหรับการลงทุนของกระทรวงคมนาคม เร่งรัดผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝากกระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมแผนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 109,342 ล้านบาท เพื่อนำเสนอ ครม.เร็ว ๆ นี้ เพราะเป็นสาขาสำคัญในการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมทั้งการลงทุนรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน เช่น ปตท. มีแผนลงทุนถึง 300,000 ล้านบาท ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องผลักดันการลงทุนอีกหลายโครงการ โดยเฉพาะการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานชุมชน ซึ่งกำลังผลักดันขณะนี้ต้องเกิดผลชัดเจนในโครงการนำร่องกลางปีนี้ 

นายสมคิด กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ขณะนี้คืบหน้าไปมากแล้ว 4 โครงการ เช่น รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เหลือที่ต้องผลักดัน คือ การสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยาน MOR ต้องคืบหน้าในช่วง 1-2 เดือน หากการบินไทยไม่พร้อมต้องเปิดให้เอกชนรายอื่นมาร่วมพัฒนาร่วมกันเพิ่มเติม ที่สำคัญโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก กำชับสำนักงบประมาณจัดสรรงบรองรับนับหมื่นล้านบาท เพื่อขุดบ่อน้ำขนาดเล็กดูแลปัญหาภัยแล้ง ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เตรียมจัดเวทีสัมมนาใหญ่เปิดให้รัฐวิสาหกิจเสนอแผนลงทุนที่ชัดเจนเพิ่มเติม

และที่สำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยีระบบ 5 จี ในวันจันทร์นี้ (27 ม.ค.) เตรียมเดินทางไปเยี่ยมสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และทานข้าวร่วมกับภาคเอกชนค่ายมือถือ เนื่องจากเทคโนโลยี 5 จี สำคัญมากกับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ เพราะจะเกิดการลงทุนต่อเนื่องนับแสนล้านบาท

ส่วนการเจรจาการค้าและการลงทุน มอบหมายให้กระทรวงการคลัง บีโอไอ เตรียมแผนลงทุนให้พร้อม เพื่อนำออกไปโรดโชว์กับต่างประเทศและต้องเร่งรัดเจรจาความตกลงความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) เพื่อเป็นเวทีสำคัญต่อการเป็นหุ้นส่วนกับเวทีโลก เพื่อแสดงให้เห็นความคืบหน้ากับนักลงทุนญี่ปุ่น จากนั้นจึงต้องฟื้นการเจรจา FTA ไทย-ยุโรป และความร่วมมือหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ฮ่องกง นับเป็นเวลาที่เศรษฐกิจภายนอกต้องเร่งรัดให้เกิดความคืบหน้าในสายตาต่างชาติ

“ปัญหาการเสียบบัตรลงมติงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ได้หาทางออกรองรับเอาไว้แล้ว ขณะนี้ยังตอบอะไรมากไม่ได้ ต้องดูสภาฯ จะดำเนินการอย่างไร เพราะหากนำส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินต้องมีแผนด้านหนึ่งดูแล ขณะนี้ทุกหน่วยงานร่วมกันหาทางออก เพื่อให้เงินงบประมาณ หรือเงินลงทุนออกไปช่วยดูแลในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว แม้จะล่าช้าก็ไม่อยากให้ล่าช้ามากเกินไป” นายสมคิด กล่าว

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมพิจารณาข้อเสนอกระทรวงการคลังเปิดทางภาคเอกชนนำค่าใช้จ่ายจากการลงทุน นำเข้าเครื่องจักรสมัยใหม่ หักลดหย่อนภาษี 2.5 เท่าของค่าใช้จ่าย คาดว่าจะเกิดการลงทุนมากกว่า 100,000 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2563 และยังยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องมือเครื่องจักรในช่วงปี 2563 ด้วยเช่นกัน

ส่วนมาตรการดึงธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ วงเงิน 5,000 ล้านบาท และยังปล่อยสินเชื่อพื้นที่อีอีซีวงเงิน 20,000 ล้านบาท ส่วนธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อทรานฟอร์มเมอร์ วงเงิน 15,000 ล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว