“สมคิด”ควง “อุตตม-วิรไท-รื่นวดี” พบนายกฯชงออกมาตรการชุดที่ 3

  • เน้นเยียวยาและดูแลระบบเศรษฐกิจไทย
  • ออกกฏหมายโยกงบคืน 10% พร้อมออกพ.ร.ก.กู้เงิน
  • ปฏิเสธไม่กู้เงินไอเอ็มเอฟ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนำนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และน.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่าได้จัดเตรียมมาตรการชุดที่ 3 ที่เป็นมาตรการชุดใหญ่ที่จะช่วยเยียวยาและดูแลระบบเศรษฐกิจไทยในช่วงเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

“ผมใช้ชื่อว่า เยียวยาและดูแล ไม่ใช่คำว่า กระตุ้น แต่เป็นการดูแล ในมาตราการชุดนี้เป็นชุดสำคัญ ในด้านหนึ่งต้องการเยียวยาให้ผู้ประสบความเดือดร้อนได้รับผลกระทบอย่างพอเพียง ในอีกด้านต้องการเข้าไปดูแลภาคเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศขณะนี้ ซึ่งผู้คนเดินทางกลับไปบ้าน ท้องถิ่น ชนบท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร ฉะนั้นจะมีมาตรการออกไปดูแลภาคเศรษฐกิจส่วนนั้น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภาคเกษตรให้มีกิจกรรมในการสร้างงาน สร้างผลผลิต สร้างรายได้ ภายในท้องถิ่น เป็นมาตรการที่กระจายลงไปสู่จังหวัด ตำบล หมู่บ้าน ส่วนต่อมาต้องไปดูแลเสถียรภาพระบบตลาดเงินตลาดทุนของประเทศ เพราะสองส่วนนี้ถึงซึ่งกันและกัน”

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไป มาตรการใหม่นี้ต้องมีส่วนผสมผสานของงบประมาณและเงินกู้เพราะสถานะของเราแข็งแรงพอที่จะทำได้อยู่แล้ว โดยที่ไม่ได้เดือนร้อนอะไรเลย โดยจะตัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ของทุกกระทรวงออกมา 10% มาไว้ในงบกลางฯ เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ใช้ในสิ่งที่มีความจำเป็นเพื่อรองรับการแก้ปัญหาไควิด-19 ให้เกิดผลดีที่สุด อีกส่วนจะเป็นการออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)กู้เงิน เพื่อนำมาดูแลทั้งระบบ ให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ ให้ตลาดเงินตลาดทุนมีสภาพคล่องที่เพียงพอเพื่อหล่อเลี้ยงระบบทั้งระบบได้ แต่จะเป็นวงเงินขนาดไหนขอให้รอดูใกล้ๆนี้ ที่แต่ละคนกำลังทำกันอยู่ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจในระบบ เราต้องทำไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ฉะนั้นไม่ต้องมีความกังวล รัฐบาล กระทรวงการคลัง ธปท.และ ก.ล.ต.เตรียมพร้อมในสิ่งนี้อยู่แล้ว

“ใครที่พยายาม ไม่ระมัดระวังในการให้ข้อมูลซึ่งเป็นเท็จหรือยังไม่ได้รับการตรวจสอบ กรุณาเถอะ ขอให้ช่วยดูแลเรื่องข่าวสารเพราะความเชื่อมั่น เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในขณะนี้ถ้าเราร่วมกันทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ประชาชนได้รับการดูแล ธุรกิจได้รับการดูแล และเราจะอยู่กันได้”

นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องการตัดงบ 10% ให้แต่ละกระทรวงนำออกมา คราวนี้ไม่ได้มีปัญหาแน่ ล่าสุดสำนักงบประมาณชี้ว่าอาจต้องออกพระราชบัญญัติ( พ.ร.บ.)โอนเงินงบประมาณ จริงๆแล้วอยากให้ออกเป็นพระราชกำหนด( พ.ร.ก.) แต่แม้จะออกพ.ร.บ.ก็เชื่อว่าไม่มีใครค้าน สามารถทำเร็วโดยเสนอพิจารณาเป็น 3 วาระรวด ตอนนี้ฝ่ายกฏหมายกำลังตีความเป็นสองอย่างว่าจะออกเป็นพ.ร.บ.หรือพ.ร.ก.เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย สิ่งสำคัญต้องการความเร็ว ทุกคนต้องทำตามหน้าที่ ไม่ใช่ว่ากลัวโน่น กลัวนี่ ทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่งั้นจะบริหารอย่างไร ส่วนเรื่องแจกเงิน 5,000 บาท กรณีที่มีผู้ผ่านคุณสมบัติเกินกว่าที่คาดไว้ นายสมคิด กล่าวว่า ฟังไว้นะทุกอย่างเราดูแลได้หมด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่าประเทศไทยจะต้องไปกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) นั้นไม่เป็นความจริง ประเทศไทยไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องไปกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ และไม่จำเป็นที่ต้องไปขอให้ไอเอ็มเอฟมาช่วยเหลือเลย โดยสถานการณ์ในขณะนี้มีความแตกต่างจากปี 2540 มากตอนนั้นเราไม่มีเงินสำรองระหว่างประเทศ

แต่ขณะนี้ ไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ และเงินตราของเราไม่ได้ไหลออกนอกประเทศ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทยยังอยู่ในระดับสูง ดอกเบี้ยก็ต่ำมาก ตอนนี้เราดูแลตัวเองได้สบายๆ หากจำเป็นที่จะต้องกู้เงินเราก็สามารถที่จะกู้ภายในประเทศได้ ดังนั้น คนที่ให้ข่าวอย่างไม่ระมัดระวังถือว่าผิดกฎหมาย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ขอความกรุณาอย่าพูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงในช่วงเวลาแบบนี้เพราะไม่ใช่เรื่องจริงและผิดกฎหมายระวังจะโดนดำเนินคดี