สภาฯถกงบปี64 วาระ2-3 ฝ่ายค้านตีรวน“จิรายุ”นำร่องซัดใช้งบ สุรุ่ยสุร่ายคนจ่ายไม่ได้ใช้คนใช้ไม่ได้จ่าย

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 16 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท วาระ2-3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2564 ที่มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการพิจารณาตัดลดงบประมาณ และนำไปเกลี่ยให้ส่วนราชการต่างๆ ในที่สุดเหลืองบประมาณรายจ่ายปี2564 ทั้งสิ้น 3.28 ล้านล้านบาท

โดยนายสันติชี้ แจงสรุปสาระสำคัญร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี2564ว่า กมธ.พิจารณางบประมาณของ 721 หน่วยงาน มีการปรับลดงบประมาณทั้งหมด 31,965,549,000บาท จากรายการที่ไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน และรายการที่สามารถปรับลดเป้าหมายหรือปรับเปลี่ยนให้ประหยัดได้ เช่น การอบรมสัมมนา รวมถึงรายการที่มีการดำเนินการล่าช้าที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในปี2564 เพื่อนำไปจัดสรรให้ส่วนราชการตามที่ครม.เสนอตามความเหมาะสมและจำเป็น 17,419 ล้านบาท ได้แก่ รัฐสภา ศาล องค์กรอิสระ อัยการ ทำให้เหลืองบประมาณรายจ่ายปี2564 จำนวน 3.28 ล้านล้านบาท

จากนั้นก่อนเริ่มการอภิปรายเป็นรายมาตราวาระ2 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ประธานอะลุ้มอล่วยเรื่องเวลาการอภิปรายที่ได้คนละ 7 นาที ไม่เพียงพอ เพราะมีหลายประเด็นต้องพูด ถ้าได้แค่ 7นาทีคงไม่พอ เพราะตามข้อบังคับการประชุมสามารถอภิปรายได้ โดยไม่จำกัดเวลา กรอบเวลา 7นาทีเป็นแค่ข้อตกลง แต่ไม่ใช่ข้อบังคับการประชุม ถ้าจะเคร่งครัดให้แค่ 7 นาที ฝ่ายค้านขอทวงสิทธิตามข้อบังคับการประชุมที่ให้พูดโดยไม่จำกัดเวลา

แต่นายชวนยืนยันให้อภิปรายได้แค่คนละ 7 นาที ตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าให้พูดตามอำเภอใจ คงไม่ได้อภิปรายกันทุกคน ขอให้ใช้ความสามารถในการย่อความ แต่ฝ่ายค้านไม่ยอม พยายามทักท้วง โดยนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย โต้แย้งว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้านอนุโลมมามากพอแล้ว ยืนยันต้องได้อภิปรายมากกว่าคนละ 7 นาที อย่าคิดว่าเสียงข้างมากจะทำอะไรก็ได้ แต่นายชวนไม่สนใจและตัดบทเข้าสู่การประชุมต่อไป

จากนั้นเวลา 10.30 น.จึงเริ่มต้นอภิปรายมาตรา 1 ชื่อร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2564 ที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เริ่มอภิปรายเป็นคนแรก โดยขอแปรญัตติให้เพิ่มคำว่า “ที่มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ” เข้าไปท้ายชื่อพ.ร.บ. โดยกล่าวว่า งบประมาณปี2564 เป็นงบที่คนจ่ายไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้จ่าย เช่น การจัดซื้ออาวุธ เวลาลากรถถังออกมารัฐประหาร มีใครบ้างมาฟรี การใช้อุปกรณ์เหล่านี้มาจากภาษีประชาชน เป็นตัวอย่างได้ดีของคำว่า คนจ่ายไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้จ่าย

“ยิ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อุปโลกน์ตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ทำให้ตนไม่เชื่อมั่น รู้สึกเอือมระอา เพราะพล.อ.ประยุทธ์เป็นนักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่กู้เงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงต้องการเติมคำ“ที่มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ”เข้าไปท้ายชื่อร่างพ.ร.บ. เพื่อให้ตระหนักว่า งบประมาณเป็นภาษีของประชาชน ไม่ใช่เงินสุรุ่ยสุร่าย เป็นสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลต้องตระหนัก เพราะไม่ใช่เงินจากตระกูลของท่านหรือของใคร” นายจิรายุ กล่าว