สภาล่ม!ครั้งแรกหลังฝ่ายค้านเสนอนับองค์ ประชุม “สุทิน” แจงปฏิรูปประเทศเป็นเรื่อง สำคัญไม่อยากเป็นแค่ “ตรายาง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (8 ก.ค.) ได้เริ่มการประชุมเมื่อเวลา 09.30 น. โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมประธานเปิดโอกาสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปรึกษาหารือปัญหาของประชาชนหลายพื้นที่ ซึ่งปัญหาภัยแล้งยังคงเป็นปัญหาที่มีสมาชิกนำเข้าหารือจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร เช่นที่จังหวัดอุดรธานี และหนองคาย ปัญหาการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ การขุดลอกแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในหน้าแล้งที่มีความล่าช้าเนื่องจากบางพื้นที่ขาดแคลนงบประมาณดำเนินการ จึงเรียกร้องผ่านไปยังกระทรวงมหาดไทยขอให้ช่วยจัดสรรงบประมาณไปยังพื้นที่ เพื่อเร่งดำเนินการให้ทันการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ไว้ใช้ในหน้าแล้งต่อไป

ส่วนปัญหาเส้นทางโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค ยังเป็นปัญหาที่สมาชิกนำเข้าหารือจำนวนมากเช่นกัน ทั้งปัญหาเส้นทางคมนาคมชำรุดเสียหาย ขาดแคลนไฟฟ้าส่องสว่างในหมู่บ้าน ขาดแคลนจุดกลับรถและสะพานข้ามแยกส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง สำหรับปัญหาอื่น ๆ ที่สมาชิกนำเข้าหารืออาทิ ปัญหาขาดแคลนงบประมาณและเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด -19 บางพื้นที่ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า เช่น สถานศึกษาที่ต้องนำงบประมาณไปดูแลเด็กนักเรียน และกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพได้เช่นเดิม จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงานดูแลโดยเร็ว

จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น.ได้เข้าสู่การพิจารณาวาระรับทราบรายงานผลการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล ซึ่งระหว่างนั้นนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือและเสนอขอให้นับองค์ประชุม เนื่องจากเห็นว่ามีจำนวนสมาชิกที่อยู่ในห้องประชุมจำนวนน้อย ฝ่ายค้านรับไม่ได้ อยากเห็นคณะรัฐมนตรีและสมาชิกร่วมประชุมเพื่อร่วมแสดงความเห็นในการพิจารณาเรื่องสำคัญที่ประชาชนติดตาม

“ยืนยันไม่ใช่คนเกเร ซึ่งนายชวนยืนยันว่าเป็นสิทธิที่จะขอนับองค์ประชุมได้ ไม่มีใครตำหนิอะไร เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องมาประชุม พร้อมกดออดเรียกสมาชิกให้เข้ามาแสดงตนเป็นองค์ประชุม ทำให้ส.ส. ฝั่งรัฐบาลรีบเดินเข้าห้องประชุมไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีที่ลงมานั่งข้างล่างเพื่อแสดงตนเป็นองค์ประชุม” นายครูมานิตย์ กล่าว

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งสมาชิกที่จะไม่ร่วมแสดงตนว่าให้นั่งประจำที่ อย่ายืนเกะกะ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดให้แสดงตน มีส.ส.เข้าร่วมประชุมจำนวน 226 คนและแสดงตนเพิ่มอีก 231 คน ซึ่งจะต้องมีสมาชิกเป็นองค์ประชุมไม่น้อยกว่า 244 คน จึงไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ประธานสั่งปิดการประชุมทันที ซึ่งถือเป็นสภาล่มครั้งแรกในสมัยการประชุมนี้

ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์กรณีฝ่ายค้านเสนอให้นับองค์ประชุมว่า วาระพิจารณาการรายงานการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลพูดตลอดว่าต้องการปฏิรูปประเทศ และที่ผ่านมาใช้การปฏิรูปประเทศเป็นข้ออ้างหลายอย่างจากสังคม เพื่อได้โอกาสทำงาน ซึ่งฝ่ายค้านให้ความร่วมมือมาโดยตลอด และมีรายงานมาแล้ว 3 รอบ แต่เป็นที่ประจักษ์ว่าสังคมทุกภาคส่วนสรุปชัดเจนว่าการปฏิรูปประเทศยังไม่เกิดขึ้น แม้กระทั่งพันธมิตรของรัฐบาลก็ผิดหวังว่ารัฐบาลไม่ได้ปฏิรูปประเทศตามที่เคยระบุ

“การรายงานปฏิรูปประเทศรอบนี้ ฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าจะสะท้อนเสียงของประชาชนเพื่อเตือนรัฐบาลว่ายังไม่ได้ปฏิรูปอย่างจริงจัง ไม่อยากให้สภาเป็นเพียง “ตรายาง” จึงเสนอให้รัฐบาลถอนเรื่องนี้กลับไปพิจารณาใหม่ ขณะเดียวกันเห็นว่าส.ส.รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญด้วยการไม่เข้ามาประชุม ฝ่ายค้านจึงเสนอนับองค์ประชุม จะได้ ให้รัฐบาลตื่นตัวเรื่องการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง วันนี้เเป็นมาตรการหนึ่งที่เราอยากให้การปฏิรูปเกิดขึ้น การพูดจาทำไปก็ไร้ผล การที่สมาชิกออกน้อกห้องประชุมวันนี้เป็นการยกระดับกระตุ้นเตือนรัฐบาล ถ้าไม่ทันวันนี้อาจจะมีมาตรการอื่นยิ่งกว่านี้” นายสุทิน กล่าว

ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลในทางปฏิบัติจากการปฏิรูปประเทศของรัฐบาลไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่เขียนกฎหมายมารองรับว่าผลสัมฤทธิ์เป้าหมายจะต้องนำมารายงานในรอบปี  ซึ่งการเขียนกฎหมายของรัฐบาลไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่ให้รายงานทุก 3 เดือน และมาตรการการนับองค์ประชุมถือว่าเบาที่สุด ถ้าองค์ประชุมครบฝ่ายค้านก็พร้อมตรวจสอบรายงานเรื่องนี้ต่อ แต่ถ้ารัฐบาลไม่ให่ความสำคัญจะมีมาตรการอื่นต่อไป

นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ได้ตั้งใจจะเสนอนับองค์ประชุม แต่เห็นว่ารัฐบาลค่อนข้างละเลยต่อสภาฯ ทั้งที่เรื่องการปฏิรูปประเทศถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ แต่ในวันนี้มีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงเพียงคนเดียว ทั้งที่ เรื่องการปฏิรูปประเทศเป็นเหตุผลหนึ่งของการรัฐประหาร จึงเห็นว่าการปล่อยให้พูดแล้วลงมติให้ผ่านเป็นเรื่องง่ายเกินไป จึงอยากให้รัฐบาลตั้งแต่ผู้นำรัฐบาลเข้าใจและตระหนักว่าสภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรสำคัญ