สภาพัฒน์เตรียมชง ครม.อนุมติใช้เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เฟสสอง อีกแสนล้านบาท

.เน้นการจ้างงานต่อเนื่อง

.เฟสแรก 92,000 ล้านบาทยังใช้อืด

.แจงเดือน ต.ค.เงินจะทยอยลงสู่ระบบ

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ในฐานะคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 เปิดเผยว่า ในเดือนต.ค.นี้จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาการใช้เงินกู้ก้อนที่มีไว้สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เฟส 2 วงเงินประมาณ 90,000-100,000 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ครม.ได้เห็นชอบหลักการของการใช้เงินในเฟสแรกไปแล้ว วงเงิน 92,000 ล้านบาท มีเป้าหมายการจ้างงาน 410,415 ราย ส่วนในเฟสที่ 2 จะยังคงเน้นโครงการที่ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มเติม รวมทั้งจะทำเรื่องของการพัฒนาทักษะแรงงานที่มีอยู่ในระบบให้สูงขึ้นด้วย เพื่อให้คนที่อยู่ในวัยแรงงานมีทักษะที่เหมาะสมกับแนวโน้มโลกในอนาคต


สำหรับความคืบหน้าของการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ก้อนแรก 550,000 ล้านบาท ใช้ไปมากที่สุด 344,734 ล้านบาท เพื่อเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวม 30.51 ล้านราย ประกอบด้วย จ่ายเยียวยาให้กับเกษตรกรรายละ 15,000 บาท รวม 7.526 ล้านราย วงเงิน 114,352 ล้านบาท กลุ่มอาชีพอิสระ 16 ล้านราย วงเงิน 159,583 ล้านบาท กลุ่มเปราะบาง 6.65 ล้านราย วงเงิน 20,153 ล้านบาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งชาติ 1.025 ล้านราย วงเงิน 3,087 ล้านบาท และชดเชยลูกจ้าง 70,000 ราย วงเงิน 109 ล้านบาท ฉะนั้นเงินกู้ก้อนนี้คงเหลือ 210,265 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่รัฐบาลกำลังพิจารณานำเงินที่เหลือมาใช้ เช่น โครงการจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ 260,000 คน ประมาณ 20,000 ล้านบาท และโครงการ “คนละครึ่ง”ที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาการแจกเงิน 3,000 บาท ให้ผู้รับสิทธิ์ 15 ล้านคน นำไปซื้อสินค้าค้าหาบเร่ แผงลอย เป็นต้น


ส่วนเงินก้อนที่สองจัดสรรให้ด้านสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท ขณะนี้ใช้ไป 100 กว่าล้านบาท ยังไม่รวมที่ ครม.อนุมัติให้ 1,000 ล้านบาทสำหรับจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด และก้อนที่ 3 วงเงิน 400,000 ล้านบาทสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ในเฟสแรกที่ ครม.เห็นชอบในหลักการ 92,000 ล้านบาท มีโครงการที่ ครม.เห็นชอบรายละเอียดแล้วกว่า 43,000 ล้านบาท และรอการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองฯ และครม. กว่า 47,000 ล้านบาท เช่นโครงการ เกษตรแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โครงการจ้างนักศึกษา 60,000 อัตรา ในโครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย และท่องเที่ยวชุมชน ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ


“ในวงเงิน 400,000 ล้านบาทที่ตั้งใจนำมาใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากที่ ครม.อนุมัติในเฟสแรกไปแล้ว 43,000 ล้านบาท ตอนนี้มีเงินที่ทยอยเข้าสู่ระบบจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน มีผู้ใช้สิทธิ์ห้องพักแตะ 1 ล้านคืนแล้ว เชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และรัฐบาลได้พยายามปรับรูปแบบโครงการให้ได้รับการตอบรับมากยิ่งขึ้น ส่วนโครงการอื่นๆ เงินจะเข้าสู่ระบบในเดือนต.ค.เป็นต้นไป ส่วนที่เคยต้องการให้เงินลงสู่ระบบเร็วกว่านี้ตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมาเพราต้องผ่านการพิจารณาโครงการให้รอบคอบ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา หลายโครงการที่ผ่านการอนุมัติจากครม.ไปแล้ว สามารถจ้างงานได้ 112,907 ราย ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ด้านสัตว์ป่า ,โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ,โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล ,โครงการเฝ้าระวังสร้างแนวกันไฟสร้างรายได้ชุมชน ,โครงการอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ,โครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการ และโครงการพัฒนาป่าไม้ สร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

นายทศพร กล่าวว่า การขออนุมัติเงินกู้ในส่วนของเงินกู้ 400,000 ล้านบาท จะแบ่งการเสนอออกเป็น 4 เฟส ซึ่งการทยอยอนุมัตินี้จะทำให้เงินทยอยลงสู่ระบบเศรษฐกิจ และยังเป็นการบริหารเงินที่มีอยู่โดยดูจากสถานการณ์ที่จะต้องมีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดระยะที่ 2 ด้วย หากมีการแพร่ระบาดก็จะยังมีเงินในส่วนนี้ดูแลเศรษฐกิจอยู่อีกส่วนหนึ่ง แต่หากไม่มีเงินจำนวนนี้ก็จะลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการที่คิดผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.)ได้เพิ่มเติม