สนามบินสุวรรณภูมิพลิกวิกฤตเที่ยวบินขึ้น-ลงน้อยขอเช็คอัพซ่อมแซมปรับปรุงรันเวย์ขนาดใหญ่หวังรอรับธุรกิจการบินกลับมาโตอีกครั้ง

.สนามบินสุวรรณภูมิพลิกวิกฤติโควิด19เป็นโอกาสหลังผู้โดยสารเดินทางน้อย

.เดินหน้าปรับปรุงซ่อมพื้นผิวแท็กซี่เวย์-รันเวย์สนามบิน

.แถมร่นเวลาซ่อมเหลือเพียง 2 ปีจาก4ปี แล้วเสร็จในปี 66

.มั่นใจเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในระยะยาวของสนามบิน

นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินลดลงมากตามจำนวนผู้โดยสารนั้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่สนามบินสุวรรณภูมิจะดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงพื้นผิวทางขับ (Taxiway) ทางขับเข้าสู่หลุมจอด (Taxilane) และหัวทางวิ่ง (Runway)ซึ่งตามแผนดำเนินการจะอยู่ระหว่างปี 64 -68 ซึ่งจะแบ่งการดำเนินการออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งจะทำการปรับปรุงบริเวณหัวทางวิ่ง 01L, 19L และ 19R ทางขับ B, C, D, E, G และ H ทางขับเข้าสู่หลุมจอด (Taxilane) T4, T5, T6, T7, T8, T9, T10, T11, T12, T13, T14, T15, T16 และ T17 อย่างไรก็ตามขณะนี้ปริมาณเที่ยวบินลดลงมากตามจำนวนผู้โดยสาร ทางสนามบินได้พิจารณาในรายละเอียดของโครงการแล้วจึงพบว่าสามารถปรับลดระยะเวลาการซ่อมจากเดิม 4 ปี เหลือเพียง 2 ปี คือระหว่างปี 64 – 66

ทั้งนี้พื้นที่ซ่อมแซมทั้งแท็กซี่เวย์ และ รันเวย์ รวมทั้งสิ้น 792,314 ตารางเมตร แบ่งงานซ่อมแซมออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 พื้นที่ 277,859 ตร.ม. มูลค่า 1,275 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 270 วัน และระยะที่ 2 พื้นที่ 514,455 ตร.ม. มูลค่า 3,125 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 450 วัน สำหรับความคืบหน้าการปรับแผนงานดังกล่าว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเตรียมเผยแพร่ข้อกำหนดรายละเอียดงานจ้าง (Term of Reference: TOR) เพื่อจัดหาผู้รับจ้างของงานระยะที่ 1 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปฏิทินปี64 (ก.ค. – ก.ย.64)

“การปรับลดระยะเวลาการซ่อมดังกล่าวมีสาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้มีปริมาณจราจรทางอากาศ การจราจรภาคพื้น และการใช้บริการหลุมจอดอากาศยานน้อยลง ทสภ. สามารถบริหารจัดการหลุมจอดและเส้นทางการจราจรภาคพื้นของอากาศยานได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้การปิดพื้นที่ทางขับและหลุมจอดอากาศยานเพื่อดำเนินการปรับปรุงมีข้อจำกัดลดลง สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการพร้อมกันได้หลายพื้นที่โดยไม่กระทบต่อการให้บริการผู้โดยสาร”

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงพื้นผิวทางขับ (Taxiway) ทางขับเข้าสู่หลุมจอด (Taxilane) และหัวทางวิ่ง (Runway) ในครั้งนี้ มีความจำเป็นที่ต้องเร่งรัดให้มีการดำเนินงานตามแผน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวต้องรองรับน้ำหนักอากาศยานมากกว่าบริเวณอื่นๆ และเป็นบริเวณที่มีความถี่ในการใช้งานสูง ให้คงทนแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักของอากาศยานขนาดใหญ่ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยการปรับปรุงครั้งนี้ ทสภ. จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดวัสดุพื้นผิวจากวัสดุแอสฟัลต์เป็นวัสดุปอร์ตแลนด์ซีเมนต์คอนกรีตพร้อมกับการติดตั้งระบบระบายน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามผลการศึกษาและคำแนะนำของวิศวกรที่ปรึกษาอิสระ โดยคอนกรีตจะมีความแข็งแรงและทนต่อความชื้นที่เกิดจากน้ำใต้ดินซึ่งมีระดับสูงในบริเวณ สนามบินสุวรรณภูมิได้ดี

นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากการให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื่องพื้นผิวทางขับ (Taxiway) ทางขับเข้าสู่หลุมจอด (Taxilane) และหัวทางวิ่ง (Runway) ซึ่งเป็นการดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพของท่าอากาศยานในระยะยาวแล้ว ระหว่างการดำเนินการภายใต้โครงการข้างต้น สนามบินยังมีมาตรการระยะสั้นรองรับโดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง หากได้รับแจ้งหรือตรวจพบความชำรุดบกพร่อง จะทำการปิดพื้นที่เพื่อซ่อมแซมพื้นผิวอย่างเร่งด่วนในทันที สำหรับการดำเนินการในระยะกลาง ทสภ. จะดำเนินการซ่อมแซมพื้นผิวโดยเปลี่ยนชั้นวัสดุแอสฟัลต์เดิมให้เป็นวัสดุแอสฟัลต์ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย

นาวาอากาศโทสุธีรวัฒน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินงานในระบบการจัดการด้านนิรภัยของสนามบิน (Safety Management System) ของสุวรรณภูมิซึ่งมีการเก็บสถิติการแตกของพื้นผิวและการแก้ไขปัญหาโดยการปิดพื้นที่ซ่อมฉุกเฉิน พบว่าสถิติการตรวจพบพื้นผิวแตกร่อนและการปิดซ่อมฉุกเฉินลดลงอย่างมาก และปัจจุบันยังไม่พบเหตุการณ์อากาศยานได้รับความเสียหายจากพื้นผิวที่แตกร่อนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เพื่อให้การดูแลคุณภาพพื้นผิวทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอากาศยานอยู่ในมาตรฐานสูงสุด สนามบินสุวรรณภูมิได้มีการจัดตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาคุณภาพผิวทางวิ่งทางขับและลานจอดอากาศยาน สนามบิน. โดยมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ (Airline Operators Committee : AOC) เพื่อรายงานและประเมินสถานการณ์ตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นประจำทุกสัปดาห์ด้วย