สคบ.ฟันเจ้าของบัตรพลังงาน

  • พิจารณาคดีให้เสร็จภายใน 7 วัน
  • สั่งปรับ 1 แสนจำคุกไม่เกิน 1 ปี
  • แนะประชาชนร้องทุกข์ขอเงินคืน

นายเดชาวัต แจ้งชื่น ผู้อำนวยการคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและการตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยภายหลัง นายธนัช สุรินทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็กซ์เพิร์ทโปรเน็ตเวิร์ด เจ้าของบัตรพลังงานเข้าพบที่สำนักงาน สคบ.ว่า วานนี้ (24มิ.ย.) สคบ.ได้เชิญนายธนัช เจ้าของบริษัทที่ขายบัตรพลังงานเข้า เพื่อสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมายของ สคบ.ต่อไป

“การสอบปากคำในวันนี้ นายธนัช ยอมรับว่า บัตรพลังงานเป็นสินค้าของบริษัทจริง แต่บัตรพลังงาน ไม่ได้เป็นสินค้าหลักของบริษัท แต่ของแถม หรือแจกฟรีให้กับเครือข่าย หรือทีมขายสินค้า ซึ่งนายธนัช ระบุว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน และไม่ทราบว่า ลูกข่ายได้ขายบัตรพลังงานให้แก่ประชาชน โดยมีบัตรพลังงานที่ถูกนำไปขายจำนวน 2 กล่อง หรือประมาณ 1,000 ใบ”

นายเดชาวัต กล่าวว่า จากการสอบสวนในเบื้องต้น พบว่า การขายบัตรพลังงานเป็นการหลอกลวงประชาชน ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามกฎหมายไปแล้ว แต่ในส่วนของ สบค.ซึ่งกฎหมายให้อำนาจในการดูแลและคุ้มครองประชาชนนั้น หากมีการ กระทำความผิดจริง ผู้บริหาร ผู้มีอำนาจ และลูกทีมของบริษัท จะมีโทษปรับสูงสุดคนละ 100,000 บาท หรือจำคุก 1 ปี หรือทั้งจำและปรับ

ทั้งนี้ หลังจากกองขายตรงและและการตลาดแบบขายตรง ได้ดำเนินสอบปากคำเสร็จแล้ว จะส่งเรื่องให้หน่วยงานของ สคบ.ที่ดูแลทางฉลาก และโฆษณาสอบปากคำต่อไปหลังจากนั้นจะเรื่องให้ฝ่ายกฎหมาย ดำเนินการฟ้องร้อง ซึ่งคาดว่า จะดำเนินแล้วเสร็จ ไม่เกิน 1 เดือน หรือเร็วกว่านั้น ประมาณ 7 วัน

นายเดชาวัต กล่าวว่า ปัจจุบันสถานะของบริษัท เอ็กซ์เพิร์ทโปรฯ ไม่ได้เป็นบริษัทที่ขึ้นทะเบียนกับ สคบ.แล้ว เนื่องจากไม่ได้วางหลักประกันให้กับ สคบ.ตามที่กฎหมายกำหนด ประมาณ 25,000 บาท ภายในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จึงถือว่าเป็นบริษัทฯ ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และที่สำคัญ ก่อนนี้ บริษัทฯ ดังกล่าว ได้มาขึ้นทะเบียนขายตรงโดยจำหน่ายสินค้าที่เป็นอาหารเสริม หรือดูแลสุขภาพเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายบัตรพลังงานแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สคบ.อยากฝากเตือนประชาชนว่า ควรพิจารณาซื้อสินค้า อย่างรอบคอบ และควรตรวจสอบฉลากว่า สินค้านั้นๆ ได้รับอนุญาตจาก อย.(สำนักงานอาหารและยา) หรือไม่ และส่วนประชาชนที่ซื้อบัตรพลังงานไปแล้ว สามารถร้องทุกข์ขอเงินคืนได้ สำนักงาน สคบ.ทุก ศูนย์ดำรงธรรม์ หรือโทรศัพท์ และแจ้งผ่านระบบออนไลน์ ของสคบ.ก็ได้