“ศุภชัย”ส่ง พ.ร.บ.กัญชากัญชงให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุ วาระเดือนพฤศจิกายนนี้-วิงวอน ยุติเกมการเมืองเตือนกระแสโลกยอม รับกัญชามากขึ้น


นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง พ.ศ. … กล่าวว่าถึงความคืบหน้า ในการพิจารณาพระบัญญัติกัญชาฯ ที่ได้มีการเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และมีส.ส.ได้ลุกอภิปรายว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง เป็นกฎหมายที่ยังไม่มีความสมบูรณ์ มีข้อบกพร่องต่างๆ ในที่สุดสภาฯ ได้มีความเห็นชอบให้คณะกรรมาธิการได้ถอนร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่ได้พิจารณาแล้วเสร็จไปพิจารณาทบทวนเสียใหม่อีกครั้งหนึ่ง

นายศุภชัย กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญกมธ. เข้ามาประชุมอีกครั้ง ขณะเดียวกันได้มีการทำหนังสือไปถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขอให้ส่งความคิดเห็นข้อห่วงใยเข้ามายังกมธ. เพื่อจะได้พิจารณากัน และในที่สุดทั้ง 2 พรรค ก็ได้ส่งกลับเข้ามา เข้าใจว่าเป็นความตั้งใจของพรรคการเมืองที่มีเจตนาที่จะทำให้กฎหมายนี้มีความสมบูรณ์ที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คณะกรรมาธิการได้พิจารณาแล้ว นำเอาข้อเสนอของทั้ง 2 พรรคเข้ามาศึกษา พบว่ามีประเด็นอยู่พอสมควรที่ท่านห่วงใย ซึ่งกมธ. ก็ได้พิจารณาแต่ละเรื่อง แต่ละประเด็นอย่างละเอียด สิ่งที่พบและที่ท่านห่วงใยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ ที่กมธ.ไม่ได้แสดงความคิดเห็นหรือไม่ได้มีการพิจารณากัน ซึ่งความห่วงใยที่ท่านมีอยู่ ก็เป็นความห่วงใยเช่นเดียวกันกับที่ คณะกรรมาธิการฯ ได้มีการถกกันในประเด็นต่างๆ ซึ่งการประชุมมีทั้งหมด 19 ครั้ง และเป็นการประชุมเต็มวัน ไม่ใช่เพียงแค่ครึ่งวัน ซึ่งแปลว่าพิจารณากันทั้งหมด 38 ครั้ง กว่าจะผ่านไปได้แต่ละมาตรา จากร่างเดิมที่มี 45 มาตรา เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในประเด็นต่างๆ ก็ได้พิจารณาเพิ่มขึ้นเป็น 95 มาตรา ซึ่ง 95 มาตรานี้ ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาแล้วจะทำให้เกิดความหละหลวม แต่ในทางกลับกันคือ เป็นการเพิ่มขึ้นมาจากประเด็นข้อห่วงใยที่เกิดขึ้นจากการที่ทางกมธ.ได้แสดงความคิดเห็น และเห็นว่าเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ และเป็นการป้องกันสิ่งต่างๆ ที่อาจจะทำให้เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้มีอยู่ครบถ้วน

“ ความห่วงใยในเรื่องเยาวชน เรื่องของการใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ได้นำเข้าไปบรรจุไว้ โดยนำเอากฎหมายที่มีอยู่แล้วดั้งเดิมของประเทศไทย อย่างรื่องของกฎหมายยาสูบ สุรา หรือ กระท่อม ซึ่งได้มีการพิจารณาแล้วเสร็จ และประกาศออกมาเป็นกฎหมายเมื่อไม่นานมานี้เองก็ได้นำมาใส่ร่างพ.ร.บ.นี้ทั้งหมด “ นายศุภชัย กล่าว

ประธานกมธ.ฯ กล่าวต่อว่า เรื่องสำคัญที่สุดที่เป็นความห่วงใยก็คือ ร่างพระบัญญัติของเราที่ได้พิจารณาเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศ หรืออนุสัญญาเดี่ยว ที่ลงนามตั้งแต่ปี 1961 ต่อมามีการลงนามเพิ่มเติมอีก 2 ฉบับ ทั้งหมดที่เราเสนอเข้าไปไม่ได้มีอะไรที่เป็นการขัด หรือแย้งกับอนุสัญญาดังกล่าว ในระหว่างที่เราพิจารณา INCB (คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดของสหประชาชาติ) ได้ทำหนังสือแจ้งมายังเราว่า มีประเด็นอะไรที่เขาห่วงใย ที่เขาอยากจะให้บรรจุไว้ในกฎหมายของเราผ่านกระทรวงการต่างประเทศมาแล้วก็ถึงประธานกมธ.โดยตรง และเราก็ได้นำข้อห่วงใยนั้นมาปรับใส่เข้าไปในกฎหมายฉบับนี้ เพราะฉะนั้นกฎหมายในร่างกฎหมายฉบับนี้ จึงไม่มีอะไรที่ขัด หรือแย้ง

นายศุภชัย กล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมาธิการ ประกอบด้วยสมาชิกพรรคการเมืองทุกพรรค พรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยมีจำนวนสมาชิกมากที่สุดที่มาเป็นคณะกรรมาธิการเรียงไปตามลำดับ และมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รองเลขาธิการป.ป.ส. นักกฎหมายจากคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ที่มีความเข้าใจ รอบรู้ในเรื่องของกัญชาในประเทศนี้ เช่น นักวิชาการ แพทย์ ทุกๆ ฝ่ายร่วมกันมา ในระหว่างนั้นหรือก่อนหน้าที่เราจะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็มีข้อห่วงใยจากองค์กรต่างๆ ไม่ว่าองค์กรแพทย์ ราชวิทยาลัย ทางการแพทย์ โรงเรียนแพทย์ หน่วยงานต่างๆ ทุกภาคส่วน NGO ด้านเยาวชน ต่างก็แสดงความคิดเห็นเข้ามา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้อยู่ในกฎหมายนี้ทั้งหมดแล้ว เพราะฉะนั้น หลังจากที่ กมธ. ได้พิจารณาก็ได้ออกมาเป็นกฎหมายฉบับหนึ่ง และสิ่งที่อยากจะเน้นย้ำคือ เมื่อทั้ง 2 พรรคการเมือง ได้ส่งข้อห่วงใยแสดงความเห็นมาเราก็ได้มาพิจารณา ว่าทั้งหมดที่ท่านเสนอมา ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ที่คณะกรรมาธิการไม่เคยพูดกันมาก่อน ทุกเรื่องมีอยู่ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว

นายศุภชัย กล่าว บางเรื่องกรรมาธิการส่วนใหญ่ยังยืนยันความเห็นเสียงส่วนใหญ่ แต่ในความเห็นเหล่านี้วิธีการทางด้านนิติบัญญัติในการพิจารณากฎหมาย กมธ.เสียงข้างน้อยก็ยังสงวนความเห็นที่จะอภิปราย หรือขอให้ตัดสิ่งที่ กมธ. เสียงข้างมากเสนอเข้ามาเป็นร่างกฎหมาย กมธ. เสียงข้างน้อยมีความเห็น ก็เป็นความเห็นที่ตรงกับทางพรรค 2 พรรค ที่ได้เสนอเข้าไป เพราะฉะนั้นทั้งหมดจะไปปรากฏอยู่ในกระบวนการการพิจารณาในวาระ 2 พิจารณารายมาตรา ซึ่งถ้าที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ มีความเห็นพ้องต้องกับ กมธ.ข้างน้อย นั่นแปลว่า กมธ. เสียงข้างน้อยก็จะต้องได้รับการลงมติเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็อาจจะตรงกันกับสิ่งที่ท่านห่วงใย แต่ไม่ได้หลุดกรอบไปจากที่ท่านเป็นห่วง ทั้งหมดมีอยู่ใน ร่างพ.ร.บ.นี้แล้ว

“สำหรับกฎหมายฉบับนี้มีผู้แปรญัตติมีมากถึง17-18 ท่าน แปลว่า ในขณะที่ได้มีการเสนอเข้ามา กมธ. ได้รับการแปรญัตติจากสมาชิก ทั้งสภา คือ ทุกส่วน ทุกภาค ในระหว่างการที่จะพิจารณากฎหมายฉบับนี้ ก็ได้มีการทำความเข้าใจ และเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยในประเด็นต่างๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว จนในที่สุดได้มีการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการ หลังจากที่ท่านห่วงใยแล้วเราถอนเรื่องกลับมาพิจารณากัน มีการประชุม 2 ครั้ง ในที่สุดก็เห็นว่าสิ่งที่ท่านได้เสนอมาเราก็รับไว้พิจารณาแล้ว ได้ทบทวนอย่างที่ขอมา และ ได้ดำเนินการส่งรายงานฉบับนี้ กลับไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระที่จะมีการเปิดในสมัยประชุมต่อไปในในเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้”นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่อยากจะเรียนถึงพี่น้องประชาชนว่าสิ่งที่คณะกรรมาธิการได้ร่วมกันทำงาน ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะเสนอโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่อเสนอเข้าไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการแล้ว ร่างทั้งหมดเป็นร่างของกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับพรรคการเมืองไหน ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นร่างพระราชบัญญัติ ที่มุ่งประสงค์ที่จะนำมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด เป็นประโยชน์ในเชิงทางการแพทย์ และในเชิงเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต ที่สำคัญ ร่างกฎหมายฉบับนี้ควรจะเป็นร่างของประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่จำเป็นที่จะต้องใช้ ในขณะเดียวกันร่างพระราชบัญนี้ก็ได้ปกป้องสังคมอย่างสมบูรณ์ที่สุด เพราะฉะนั้น จึงขอวิงวอนต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า ได้โปรดเร่งที่พิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้แล้วเสร็จเสียโดยเร็วเพื่อจะได้ใช้ได้ทัน และขอเรียกร้องต่อท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรให้เร่งบรรจุร่างพระราชบัญญัติ ให้เร่งนำเรื่องนี้เข้ามาพิจารณาในวาระต้นๆ ของเราเพื่อจะทำให้กฎหมายนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์

“ผมอยากจะขอร้องว่า อย่าทำเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ของบ้านเมือง ขอให้ได้ทำให้พระราชบัญญัติกัญชา กัญชง เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง โปรดก้าวข้ามเรื่องการเมืองเสีย แล้วเราจะทำให้พี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ “

” เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปประชุม กลุ่มประเทศ G20 ประเทศอินโดนีเซีย ที่นครจาการ์ตา วันนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกำลังเตรียมร่างพระราชบัญญัติกัญชาทางการแพทย์ ของอินโดนีเซีย เพื่อจะเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรของเขา เพื่อจะออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพื่อจะนำกัญชาซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทั้งการแพทย์ และในเชิงเศรษฐกิจต่อไปได้ด้วย”

นายศุภชัย กล่าวว่า ขณะนี้ ประธานาธิบดี โจ ไบเด็น ของประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้อำนาจของ ประธานาธิบดี มีการออกนิรโทษกรรม สำหรับผู้ต้องขังที่ผู้ต้องโทษที่อยู่ในเรือนจำทั้งประเทศที่มีความผิดฐานเรื่องของการมีกัญชาไว้ในครอบครอง ออกจากเรือนจำทั้งหมดแล้ว นี่แปลว่า ทิศทางของโลกกำลังมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน แต่ทำไมเราจะปล่อยปะละเลยทั้งๆ ที่เรามีความพร้อมแล้ว มีภูมิประเทศที่พร้อมเพรียง มีผู้ที่มีความเข้าใจ รู้เรื่องกัญชาในการปลูกกัญชาได้ไม่น้อย และข้อสำคัญก็คือ วันนี้เรามีกฎหมายที่พร้อมที่จะเสนอ ยิ่งเร็วที่สุดโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากกัญชากว่าประเทศอื่นจะมาถึงเรา เพราะฉะนั้นขอวิงวอนให้ร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จด้วย