“ศิริกัญญา”แถลงความจำเป็นที่พรรคก้าวไกลต้องนั่งตำแหน่ง “ประมุข” ในฝ่ายนิติบัญญัติ

  • ผลักดันกฎหมายตามนโยบายหาเสียงได้รวดเร็
  • แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ราบรื่น
  • ผลักดันรัฐสภาที่โปร่งใส และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลและชี้แจงข้อสงสัยเรื่องนโยบายก้าวไกล ว่า ความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากที่ลงเอ็มโอยูระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 22พ.ค.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับในเชิงบวกทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลและประชาชน ทางสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)มีความเข้าในมากขึ้น และยอมรับในหลักการที่จะยกมือโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีมากขึ้น

อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลยังคงเดินหน้าเจรจากับส.ว.เป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง เพื่อยืนยันว่าจำเป็นจะต้องได้เสียงสนับสนุนให้ครบ และเชื่อมั่นว่าได้เสียงมากพอที่จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้

พรรคก้าวไกลยังต้องเดินสายหารือกับอีกหลายองค์กรนอกจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ที่ได้หารือไปแล้ว จะมีสภาหอการค้าไทย สภาแรงงาน และภาคส่วนต่างๆ ขอย้ำว่านโยบายของพรรคเน้นที่การสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมทั้งผู้ประกอบการและแรงงานที่จะเติบโตไปข้างหน้าได้ ขณะเดียวกันก็ต้องลดความเหลื่อมล้ำ

ส่วนกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกลยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องมีตำแหน่งประธานสภาไว้กับพรรคก้าวไกล เนื่องจากนอกเหนือจากที่ต้องใช้อำนาจของฝ่ายบริหารแล้ว ยังมีอีก 3 วาระที่จำเป็นจะต้องได้ตำแหน่งประมุขในฝ่ายนิติบัญญัติเช่นเดียวกัน  ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันกฎหมายทั้ง 45 ฉบับของพรรคเพื่อให้ได้ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ รวมถึงกฎหมายของพรรคการเมืองอื่นหรือกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา 4 ปี น่าจะเห็นแล้วว่าตำแหน่งของประธานสภามีความสำคัญมากแค่ไหนในการอำนวยความสะดวกหรือขัดขวางการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน

นอกจากนี้ความจำเป็นที่พรรคก้าวไกลจะต้องมีตำแหน่งประธานสภาก็เพื่อผลักดันวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเดินหน้าอย่างราบรื่น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเปิดทางให้เกิดการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มาจากการร่างของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง เรื่องนี้เป็นสาระสำคัญที่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นร่วมตรงกันและบรรจุไว้ในเอ็นโอยู ถ้าจะทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงต้องมีการประชุมรัฐสภาอีกหลายครั้ง จำเป็นที่จะต้องมีประธานรัฐสภาที่มีเจตจำนงค์ที่แน่วแน่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงจะสามารถทำภารกิจให้ลุล่วงได้ อีกวาระคือการผลักดันรัฐสภาที่โปร่งใส และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน จะให้มีการถ่ายทอดสดกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ และจะมีการจัดตั้งสภาเยาวชนขึ้นมาด้วย โดยขึ้นตรงกับสำนักงานเลขาสภาผู้แทนราษฎร

ส่วนเรื่องจำนวนส.ส.เขตที่ลดลงของพรรคก้าวไกลจากการประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จาก 113 ที่นั่งเหลือ 112 ที่นั่ง เป็นสิ่งที่เห็นข้อผิดพลาดอยู่แล้ว และทางพรรคก้าวไกลก็ยืนยันส.ส.แบบแบ่งเขตที่ 112 ที่นั่ง และส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง ทำให้ตัวเลขตรงกันมากขึ้นหลังจากกต.แก้ไขข้อผิดพลาด โดยตอนนี้ส.ส.ของพรรคก้าวไกลจะอยู่ที่ 151 ที่นั่ง และไม่กระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด

เมื่อถามว่าจะมีความขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เรื่องตำแหน่งประธานสภา น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ยังมั่นใจด้วยว่า พรรคเพื่อไทยจะอยู่ร่วมรัฐบางกับพรรคก้าวไกลต่อ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ก็ตาม และปรากฏการณ์แทงข้างหลังจะไม่มีจากพรรคก้าวไกลแน่นอน