“ศักดิ์สยาม” เด้งรับมาตรการเตรียมพร้อมรับเปิดเทอม 1 ก.ค.เอาใจข้าราชการกระทรวงคมนาคมแจ้งเวลา เลื่อมทำงานให้สอดคล้องรับลูกหลานนักเรียน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมเปิดเทอมในวันที่ 1 กรกฏาคมนี้ โดยทางกระทรวงศึกษา ได้พิจารณาเรื่องของการเลื่อมเวลาในการเรียนหนังสือโดยใช้สูตรเรียน 5 วัน และหยุด 9 วัน โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคมต้องดำเนินการพิจารณาคือเรื่องของการจัดบริการรถสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ต้องจัดให้พอดีและสามรถที่จะอยู่ในหลักการของสาธารณะสุขเรื่องมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19

“ขณะเดียวกันในที่ประชุมได้หารือกันว่าในการดำเนินการเรื่องนี้ อยากให้ไปดูครอบครัว ว่าหากเด็กมีการเลื่อมเวลาในการเรียน ผู้ปกครองจะต้องเลื่อมเวลาในการทำงานนั้นให้สอดคล้องกัน เพราะจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเรื่องเลื่อมเวลา ถ้าไม่จัดเวลาให้มีการสอดคล้องกันทั้งครอบครัวก็จะทำให้ปัญหาต่างๆลดลง 50%ไม่ว่าจะเป็นเรื่องป้องกันไวรัสโควิด-19 เรื่องปัญหาการจราจร และwork from home”นายศักดิ์สยาม กล่าว

นอกจากนั้นในส่วนของมาตรการ การเลื่อมเวลานี้ ทุกกระทรวงต้องไปดูในรายละเอียด โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ไปดูว่ามีราชการของกระทรวงคมนาคมท่านใดที่มีบุตรหลานเรียนหนังสืออยู่และมีภาระในการไปรับไปส่งให้แจ้งมา เพื่อที่จะได้มีการจัดเวลาทำงานให้เลื่อมให้สอดคล้อง เพราะมาตรการนี้ทำแล้วต้องแก้ปัญหาได้จริง

นายศักดิสยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชมการทำงานเรื่องการก่อสร้างบนถนนพระราม2 ซึ่งมีการบูรณาการสามหน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานนโยบายแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)กรมทางหลวง(ทล.)และ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ในการเข้าพื้นที่ก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางยกระดับพระราม 2 สาย ธนบุรี – ปากท่อ และโครงการทางพิเศษสาย พระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นเรื่องที่ท่านนายกฯอยากให้นำไปสู่การปฎิบัติให้ได้จริง จากเดิมการเปิดพื้นที่ก่อสร้างไม่สอดคล้องกับการทำงานและไม่เป็นระเบียบไม่มีการจัดการให้การจราจรสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างไม่มีปัญหา โดยหลังเข้าพื้นที่จริงในวันที่ 8 ก.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมจะลงพื้นที่ไปดูว่าสามารถทำงานได้จริงไหม

สำหรับมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ได้พิจารณาเป็นระดับ 5 ในส่วนของเดินทางเข้ามายังราชอาณาจักรไทยนั้น ได้สั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย( กพท.) และ บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณะสุขเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรสัโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพราะเป็นเรื่องซีเรียส ซึ่งไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมา 36 วันแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่าให้จัดทำห้องปฏิบัติการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สนามบิน

“กระทรวงสาธารณะก็รับปากว่าพร้อมที่จะดำเนินการทันที ดังนั้นในส่วนของทอท.จะจัดเตรียมพื้นที่ไว้ให้ ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งกลุ่มแรกน่าจะเป็นภาคธุรกิจ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้เจรจาจับคู่กับประเทศต่างๆที่องค์การอนามัยโลกรับรองว่ามีสถิติการป้องกันไวรัสโควิด-19 ใกล้เคียงกับไทย ก่อนจะให้มีการเดินทางเข้ามายังไทยเป็นเที่ยวแรกได้”