“ศักดิ์สยาม”ตรวจการบ้าน รฟท. ขันนอตรถไฟไทยเร่งสร้างทางคู่ระยะที่ 1 ที่ล้าช้า พร้อมเดินหน้าระยะที่ 2 “ขอนแก่น-หนองคาย”

  • หวังเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟทางคู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนให้สมบูรณ์ 
  • พร้อมเชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์กับ สปป. ลาว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ได้รายงานผลการดำเนินการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 และการเร่งรัดโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ในช่วงขอนแก่น – หนองคาย รวมถึงการติดตามโครงการก่อสร้างรถไฟสายใหม่ สายเหนืออีสาน ซึ่งในภาพรวมพบว่า โครงการทางคู่ ระยะที่1 มีผลการก่อสร้างเร็วกว่าแผนงาน จำนวน 4 สัญญา  ประกอบด้วย  โครงการฯ ช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ คืบหน้า 62.46%, โครงการฯ ช่วงนครปฐม-หัวหิน คืบหน้า93.99 %, โครงการฯ ช่วงนครปฐม-หัวหิน คืบหน้า  90.11%

นอกจากนั้น ให้ รฟท. กำกับดูแลให้ผู้รับจ้าง เร่งรัดการก่อสร้าง สัญญาที่มีผลการก่อสร้าง ล่าช้ากว่าแผนงาน ให้มีผลการก่อสร้างเป็นไปตามแผนงาน โดยเร็ว ประกอบด้วย ช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ คืบหน้า  69.88% ,ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ คืบหน้า  92.10% ,ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ คืบหน้า 88.82% ,ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์คืบหน้า 99.94% ,ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร คืบหน้า 82.82%, ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร คืบหน้า 82.35%

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังได้สั่งการให้ รฟท. เร่งรัดการนำเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีตามแผนงานที่กำหนดไว้ ซึ่งโครงการังกล่าวหากมีการดำเนินการเพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟทางคู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ให้มีความสมบูรณ์และสามารถเชื่อมต่อระบบโลจิสติกส์กับ สปป. ลาว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ให้ รฟท. ทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนรับทราบการดำเนินงานและประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ให้นำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับประสบการณ์ที่มีปัญหาในอดีตมาปรับปรุง ให้การนำเสนอโครงการเกิดความสมบูรณ์

ขณะเดียวให้ รฟท. รวบรวมข้อมูลปริมาณการขนส่งสินค้าจากการเปิดให้บริการรถไฟลาว – จีน ว่ามีผลกระทบต่อปริมาณการขนส่งสินค้าภายในประเทศอย่างไร และเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตามหากโครงการ ก่อสร้างหากขาดแคลนแรงงานก่อสร้างที่ส่งผลกระทบต่อการก่อสร้าง ของ รฟท. ให้ รฟท. เร่งประสานขอข้อมูลแรงงานในระบบฐานข้อมูลของกระทรวงแรงงานเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์เพดานหนี้สาธารณะของประเทศขณะนี้ และ รฟท.ก็ต้องมีโครงการที่จะต้องดำเนินการในอีกหลายๆโครงการ ดังนั้นขอให้ รฟท. ศึกษาแนวทางอื่นๆ ที่เหมาะสมกับการดำเนินโครงการของรฟท. เพื่อลดภาระการพึ่งพางบประมาณของประเทศ เช่น เปิดเอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP หรือ การศึกษาแนวทางการทำ กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFF ของ กทพ. เพื่อให้สามารถแปลงแผนงานไปสู่การปฏิบัติจริงได้