“ศักดิ์สยาม”ไม่ท้อแก้ค่าโง่ทางด่วน!หลังถูกครม.ตีกลับ

“ศักดิ์สยาม”ยันครม.ไม่ตีกลับข้อสรุปยุติข้อพิพาททางด่วน แค่”วิษณุ”ให้ไปดูรายละเอียดของข้อกฎหมาย-ร่างสัญญา ยันแนวทางแก้ไขปัญหาต้องได้ข้อสรุปในมกรา 63

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (24ธ.ค.)ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการเสนอแนวทางยุติข้อพิพาทคดีค่าโง่ทางด่วนระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม Bem เพื่อยุติปัญหาการฟ้องร้องต่อกันที่มี 17คดี มูลค่าหนี้กว่า 53,000 ล้านบาทต่อ ครม.จริงแต่ทางสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้ให้กระทรวงคมนาคมนำข้อสรุปที่จะเสนอ ครม.ให้กลับไปเสนอต่อคณะกรรมการกำกับดูแลตามมาตรา 43 ก่อน เพื่อให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนของกฎหมายก่อน

ขณะเดียวกันให้ กทพ.ไปเจรจากับบริษัทเอกชนซึ่งเป็นคู่กรณี และให้ กทพ.ไปหารือในร่างสัญญาที่ กทพ.จะต้องยุติข้อพิพาทกับเอกชนคู่กรณีต่ออัยการสูงสุดให้เรียบร้อยก่อน และเสนอต่อบอร์ด กทพ.ภายในสิ้นปีนี้ก่อนเสนอกลับมายังกระทรวงคมนาคม หลังจากนั้นจึงทางกระทรวงคมนาคมจะเสนอกลับไปยัง ครม. อีกครั้งหนึ่ง พร้อมแนวทางข้อยุติทั้งหมด ซึ่งขั้นตอนต่างๆนั้นทาง กทพ. และ กระทรวงคมนาคม จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกรอบกำหนดการเดิมในเดือน ม.ค.63นี้

สำหรับเงื่อนไขของการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่ได้ตัดโครงการทิ้ง แต่จะนำมาพิจารณาหลังจากนี้ เพราะเรื่องที่มีความเร่งด่วนในปัจจุบัน คือเรื่องยุติข้อพิพาท รวมทั้งตนยังมองว่าการแก้ไขปัญหาจราจรบนทางด่วน ตามแผนของ กทพ.มีโครงการ Double Deck อีกหลายส่วน ดังนั้นกระทรวงฯ จะเสนอ ครม.เพื่อทำการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาจราจรทางด่วนทั้งระบบ  

ส่วนก่อสร้างสร้าง Double Deck ที่ทางเอกชนเคยยื่นข้อเสนอว่าจะก่อสร้างให้ฟรีนั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่โครงการฟรี เพราะเอกชนจะได้สัมปทานไปอีก 15 ปี รวมเป็น 30 ปี ประกอบกับเรื่องนี้ยังไม่สามารถก่อสร้างได้ทันที และโครงการยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาขั้นแรก ดังนั้นจึงไม่ใช่ประเด็นด่วนที่จะต้องมาเร่งพิจารณา

“ส่วนการสนอ ครม.วันนี้และยังไม่มีการพิจารณาไม่ถือว่ากระทรวงคมนาคมดำเนินการข้ามขั้นตอนแต่อย่างใดแต่เพื่อให้มีการดำเนินการที่รอบคอบ ควรที่จะดำเนินตามขั้นตอนที่ถูกต้องเท่านั้นเอง ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรนั้นในส่วนนี้จะมีการรวบรวม”