“ศักดิ์สยาม”เร่ง ทอท.เปิดให้บริการอาคาร SAT-1 กลางปีหลังพบผู้โดยสารเดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิคึกคัก

“ศักดิ์สยาม” มั่นใจปีหน้าผู้โดยสารในระบบขนส่งทางอากาศฟื้นกลับภาวะปกติเทียบเท่าปี 62 ก่อนเกิดโควิดระบาด สนามบินสุวรรณภูมิผู้โดยสารดีดขึ้นเป็น 2 แสนคนต่อวัน เร็วกว่าที่ IATA เคยคาดการณ์ เหตุล่าสุดจีนส่งซิกเตรียมเปิดประเทศแล้ว แถมญี่ปุ่นติดต่อขอเพิ่มเที่ยวบิน เร่ง ทอท. เปิดให้ SAT-1 เร็วขึ้นเป็นกลางปี 66 จากแผนเดิมเปิดใช้เดือนกันยายน 66


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และกรมท่าอากาศยาน (ทย.) มั่นใจว่าในปี 65 จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางทางอากาศจะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติเทียบเท่าปี 62 ช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานหลักของประเทศจะมีผู้โดยสารประมาณ 2 แสนคนต่อวัน ทั้งนี้เนื่องจากได้รับรายงานว่าประเทศจีนได้ส่งสัญญาณที่จะเปิดประเทศเร็วๆนี้ ขณะล่าสุดประเทศญี่ปุ่นก็มีความประสงค์จะเพิ่มเที่ยวบินเข้าสู่ไทย

ส่วนกรณีที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าปริมาณการเดินทางทางอากาศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในปี 67 นั้น อาจเป็นเพราะในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด บรรดาสายการบินประสบปัญหาและปรับลดขนาดองค์กรลง จึงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว แต่ขณะนี้พบว่าสายการบินฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดมาก โดยปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารเฉลี่ย 1-1.2 แสนคนต่อวัน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 8.7 หมื่นคนต่อวัน และผู้โดยสารภายในประเทศ 3 แสนคนต่อวัน


นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ล่าสุดยังได้สั่งการให้ ทอท. เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) สนามบินสุวรรณภูมิให้เร็วขึ้น จากเดิมมีแผนเปิดบริการเดือนกันยายน 66 เลื่อนเข้ามาเป็นช่วงกลางปี 66 เพื่อรองรับความต้องการการเดินทางที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดย SAT-1 จะรองรับผู้โดยสารได้อีก 15 ล้านคนต่อปี พร้อมกับให้ ทอท.ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อเพิ่มจุดตรวจตม.แบบชั่วคราวภายใน SAT-1 เนื่องจากแผนการลงทุนส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิของ ทอท.ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ


นอกจากนี้ยังให้ ทอท.ประสานกับ ตม.เพื่อจัดหาเครื่องตรวจหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) อัตโนมัติเพิ่มเติม เนื่องจากเครื่องที่ใช้งานอยู่ปัจจุบันจำนวน 32 เครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิใช้งานมานานราว 10 ปีแล้วและมีไม่เพียงพอ โดยให้ใช้วิธีจัดซื้อแบบรวดเร็วภายใน 15 วัน เพื่อรองรับการเดินทางช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปีนี้


ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ทอท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) วงเงิน 7,830 ล้านบาทว่า ขณะนี้ ทอท.ได้ปรับแบบแล้วเสร็จ พร้อมปรับเพิ่มวงเงินลงทุนเป็น 10,000 ล้านบาทแล้ว เนื่องจากช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงไป ราคาวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างปรับเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งต้องมีการลงทุนสิ่งอำนวยความสะดวกแบบอัตโนมัติมากขึ้นตามเทคโนโลยีสมัยใหม่


สำหรับขั้นตอนจากนี้ ทอท. จะเสนอโครงการมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อรายงานครม.ขอปรับเพิ่มกรอบวงเงิน East Expansion เพื่อให้ครม.รับทราบ และเนื่องจากโครงการนี้อยู่ในแผนพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งการปรับเพิ่มกรอบวงเงิน East Expansion เป็น 10,000 ล้านบาท มิได้ทำให้กรอบวงเงินเฟส 2 เปลี่ยนแปลง จึงไม่น่ามีปัญหา โดย ทอท. ประเมินว่าจะสามารถเสนอครม.ได้ภายในเดือนมีนาคม 66 และเปิดประกวดราคาในเดือนเมษายน 66 โดยจะประกวดราคาแบบสัญญาเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารสัญญาและการตรวจรับงาน และน่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ช่วงปลายปี 66-ต้นปี 67 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปีครึ่ง