“ศักดิ์สยาม”เร่งเดินหน้าสร้างรถไฟไทย-จีน เฟส 2-พร้อมสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ลั่น!เปิดให้บริการแน่ปี 70

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง   ว่า มีการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. วงเงินลงทุน 179,413 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง ส่วน ระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 356.10 กม. บริษัทปรึกษา อยู่ระหว่างการสำรวจออกแบบ โดยจะเร่งรัดการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าในปี 2565 จะสามารถสรุปรายละเอียดและเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อเริ่มดำเนินการ

นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟทางคู่ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งปัจจุบันเส้นทางถึงถึงขอนแก่นแล้ว ส่วนระยะที่ 2 จากขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 169 กม. ซึ่งเตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา คาดว่าไม่เกินไตรมาส 2 ปี 2565 จะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้างได้ โดยทั้งโครงการรถไฟทางคู่ จากขอนแก่น-หนองคายและรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 2 จากนครราชสีมา-หนองคาย จะสามารถแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2570 

ส่วนการพัฒนารถไฟของประเทศไทย เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงของ ลาว-จีนนั้น รัฐบาลได้มอบหมายนโยบายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของคมนาคม ทั้งกรมการขนส่งทางราง (ขร.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่และที่ปรึกษา ไปที่สปป.ลาว เพื่อดูข้อมูล ข้อเท็จจริงในการเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง  ลาว-จีน  ทั้งปริมาณผู้โดยสารและสินค้าต่อวัน เป็นอย่างไร

ทั้งนี้ระบบรถไฟความเร็วสูงของลาว-จีนนั้น เป็นระบบทางเดี่ยว และมีเส้นทาง บ่อเต็น-เวียงจันทน์ ซึ่งยังไม่ถึงชายแดนกับประเทศไทย ซึ่งในการเดินรถระยะแรก ยังมีขบวนรถวิ่งไม่มากนัก ดังนั้นคาดการณ์ว่า ปริมาณสินค้าและผู้โดยสารจะยังคงไม่มาก

นายศักดิ์สยาม ยังได้กล่าวต่อว่า   ส่วนการเชื่อมต่อกับสปป.ลาว นั้น จะต้องมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงใหม่ เพื่อให้รถไฟความเร็วสูง และรถไฟทางคู่ สามารถวิ่งเชื่อมกันได้ เนื่องจากสะพานเดิม ซึ่งปัจจุบันใช้ร่วมทั้งการเดินทางของรถยนต์และรถไฟ และมีโครงสร้างที่ความสามารถรองรับน้ำหนักรถไฟได้ประมาณ 15 ตันต่อตู้เท่านั้น ซึ่งสะพานใหม่ ออกแบบให้รับน้ำหนัก ได้ประมาณ 30 ตันต่อตู้ จึงจะบูรณาการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารได้อย้างมีประสิทธิภาพสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน เพื่อรองรับการเปิดเดินรถของลาว-จีน และปริมาณสินค้าที่อาจเพิ่มขึ้น กระทรวงคมนาคมได้มีการวางแผนในการเปลี่ยนขนถ่ายสินค้าทางบกไว้ก่อน ขณะที่ได้สั่งการให้กรมทางหลวง(ทล.) ลงเร่งดูพื้นที่ในการทำสถานีขนถ่ายสินค้าชั่วคราวก่อน จึงไม่น่ามีปัญหาอุปสรรคใดๆ 

“เรื่องนี้ต้องพิจารณาข้อมูลอย่างละเอียด เพราะเบื้องต้น รถไฟทางฝั่งสปป.ลาวยังเป็นทางเดี่ยว หากเป็นทางคู่ เชื่อว่าจะปริมาณสินค้าจะมาก ซึ่งคาดว่าจะต้องเวลาอีกระยะหนึ่งในการทำระบบขนส่งทางรางที่สมบูรณ์ และนายกรัฐมนตรีของไทย ให้นโยบาย การพิจารณาทำให้เกิดการแบ่งปันผลประโยชขน์ระหว่างประทศให้เหมาะสม สามารถดำเนินการโดยยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย”