“ศักดิ์สยาม”เร่งคลอด“พ.ร.บ.ขนส่งทางราง-ตั้ง สถาบันวิจัยพัฒนาระบบราง”รองรับพัฒนาระบบรางทั่วไทย

“ศักดิ์สยาม”เร่งคลอด “พ.ร.บ.ขนส่งทางราง” คาดชง ครม.ไฟเขียว มิ.ย.นี้ มีผลบังคับใช้ภายใน ต.ค. 64 พร้อมเดินหน้าตั้ง ”สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง” วางเป้าเร่งด่วน “วิจัยชิ้นส่วนผลิตรถไฟในประเทศ-วิจัยสร้างรถไฟ EV” ถ่ายทอดเทคโนโลยีไฮสปีด 2 เส้นทาง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมติดตามความก้าวหน้าการนําเสนอร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …. และการจัดตั้งสถาบันวิจัยเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) ว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อดําเนินการติดตามเร่งรัดการนําเสนอร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …. ซึ่งสาระสําคัญของร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางรางนั้นจะทำหน้าที่กํากับดูแลมาตรฐานด้านความปลอดภัย การบํารุงทาง และการประกอบกิจการ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และปลอดภัย ในการเดินทาง ซึ่งในปัจจุบันร่าง พ.ร.บ.ฯดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการต่อไป คาดว่าจะนําเสนอคณะรัฐมนตรี ได้ภายในเดือนมิถนุายนน้ีและจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายได้ภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้กรมการขนส่งทางรางได้นําร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวกลับมาพิจารณาทบทวนปรับปรุง แก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และนโยบายของกระทรวงคมนาคม ปี พ.ศ. 2560 – พ.ศ. 2564 และให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มเติมร่างบทบัญญัติ เช่น การจัดสรรความจุ ตารางเวลาเดินรถและเส้นทาง, การสอบสวนอุบัติเหตุ และการจดทะเบียนรถขนส่งทางราง เป็นต้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สําหรับการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ จัดทํายุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีระบบรางของประเทศ วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ระบบราง ร่วมมือกับองค์กรทั้งในและต่างประเทศในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง พัฒนาบุคลากรด้านระบบ ราง และจัดทําฐานข้อมูลด้านเทคโนโลยีระบบราง โดยมีเป้าหมายเร่งด่วน คือ การวิจัยชิ้นส่วนในระบบราง เพื่อให้สามารถผลิตรถไฟในประเทศ (Local Content) ได้ตามนโยบาย Thai First รวมทั้งการวิจัยเพื่อสร้างรถไฟ EV มาใช้ในประเทศไทย พร้อมกับการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยคาดว่าร่าง พ.ร.ฎ. จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและ ดําเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคมปีนี้