“ศักดิ์สยาม”สั่งเตรียมพร้อมรับมือผู้โดยสารเดินทางอากาศเพิ่มป้องกันปัญหาเที่ยวบินป่วนแบบยุโรป-สหรัฐอเมริกา-พร้อมขยายมาตรการช่วยเหลือสายการบินต่ออีก 1 ไตรมาส

“ศักดิ์สยาม” สั่ง กพท.-ทอท.เตรียมพร้อมรับมือผู้โดยสารเดินทางเข้าออกไทยเพิ่มขึ้นหลังโควิดซา ป้องกันปัญหาเที่ยวบินป่วนแบบยุโรป-สหรัฐอเมริกา  พร้อมมีมติขยายมาตรการบรรเทาผลกระทบสายการบินจาก COVID-19 ต่อไปอีกในไตรมาส 3 คาดการณ์ปี66มีผู้โดยสารต่างชาติเดินทางเข้าไทยกว่า 19 ล้านคน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการการบินพลเรือน(กบร.)เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ประสานผู้ประกอบการสายการบินทุกราย สนามบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด รวมทั้งผู้ประกอบการอื่นที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมเต็มที่ทุกมิติเพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังพบระบบการขนส่งทางอากาศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาโกลาหลหนักจากการเตรียมรับมือความต้องการเดินทางที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังโควิดคลี่คลายลง ซึ่งการเตรียมพร้อมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นในระบบการบินของประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้

“จากกรณีสนามบินทั่วยุโรปรวมทั้งในสหรัฐอเมริกาเกิดความโกลาหลอย่างหนักในช่วงนี้ โดยมีผู้โดยสารและสัมภาระตกค้างจากการยกเลิกเที่ยวบินและมีเที่ยวบินล่าช้าจํานวนมากตั้งแต่เดือนเมษายน 65 เป็นต้นมา โดยในยุโรปมีการยกเลิกเที่ยวบินไปแล้วเกือบแสนเที่ยวบิน ส่วนในสหรัฐอเมริกาก็มีการยกเลิกเที่ยวบินไปไม่น้อยกว่า 20,000 เที่ยวบินในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่สถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ทําให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่ทั้งยุโรปและอเมริกาประสบปัญหาเนื่องจากขาดแคลนบุคลากรทางการบิน ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการปรับลดพนักงานไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ในหลายประเทศยังมีการนัดหยุดงานของบุคลากรในอุตสาหกรรมการบิน ทําให้มีคนทํางานไม่เพียงพอ”

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า และจากนโยบายการผ่อนคลายเงื่อนไขในการเดินทางเข้าประเทศ  ทำให้จำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเริ่มฟื้นตัว แต่ผู้ประกอบการสายการบินยังคงได้รับผลกระทบ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานของสายการบิน ดังนั้น เพื่อสนับสนุนการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับสายการบิน ให้สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด  ที่ประชุม กบร. จึงมีมติให้ขยายมาตรการช่วยเหลือ สายการบินออกไปอีกในไตรมาสที่ 3/2565  พร้อมทั้งให้มีการทบทวนแผนแม่บทห้วงอากาศและการเดินอากาศแห่งชาติ รวมทั้งออก/ต่อใบอนุญาตผู้ประกอบกิจการการบินพลเรือน

สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ สายการบิน ที่ประชุมมีมติให้ ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ขยายระยะเวลาปรับลดค่าบริการสนามบิน (Landing and Parking Charges) ลง  50% ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ และขยายเวลาการยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) ให้แก่สายการบินที่หยุดให้บริการชั่วคราว 

ส่วนมาตรการทางการเงิน มีมติให้ กพท.ขยายระยะเวลาชำระหนี้ (Credit Terms) ค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศ จาก 15 วันเป็น 90 วัน และยกเว้นเงินเพิ่ม (ค่าปรับ) ให้กับสายการบินที่นำส่งค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกประเทศล่าช้า ขณะที่ กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราค่าเช่าสำหรับทุกกิจกรรมในอัตราค่าเช่า          ไม่ต่ำกว่าที่กรมธนารักษ์กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 ธันวาคม 65

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มของจำนวนผู้โดยสารต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย สถานการณ์การอ่อนค่าของเงินบาทจะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย มากยิ่งขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวสามารถแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นเงินบาทไทยในจำนวนที่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน สถิติจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประมาณการโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 20 พฤษภาคม 65 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนทั้งหมด 1.08 ล้านคน ส่วน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 65 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 6 ล้านคน โดยในไตรมาสที่ 2 และ ไตรมาสที่ 3 จะมีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง เนื่องจากเป็นฤดูกาล Low season ของการท่องเที่ยว แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากเป็น High season และในปี 66 คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านคน

ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มผู้โดยสารชาวจีน ปัจจุบันรัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศกับไทย แต่ยังคงอนุญาตให้เฉพาะการเดินทางที่จำเป็นในกลุ่มนักธุรกิจ นักเรียนและนักศึกษา   โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (CAAC) อนุญาตให้สายการบินของไทยและจีน   ทำการบินแบบประจำรับขนส่งผู้โดยสารระหว่างไทยกับจีนฝ่ายละ 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ ช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม 65 โดยจากจำนวนเที่ยวบินจะยังไม่ส่งผลมากต่อการเพิ่มปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทย  แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศกับกลุ่มตลาดใหญ่อย่างจีน และเป็นจุดเริ่มต้นให้       สายการบินของไทยได้เตรียมความพร้อมตามมาตรการสาธารณสุขของจีนด้วย หากสายการบินของไทยดำเนินการไปได้ด้วยดี ทางการจีนอาจเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้กับประเทศไทยต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า กบร. ยังได้มีมติเห็นชอบการทบทวนแผนแม่บทห้วงอากาศและการเดินอากาศแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนหลักในการพัฒนาระบบห้วงอากาศและโครงสร้างพื้นฐานระบบการเดินอากาศของประเทศไทย ให้มีความสอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดยได้มีการปรับให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นอกจากนั้นยังได้มีมติเห็นชอบให้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือนให้ผู้ประกอบการที่ยื่นคำขอจำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัทเอเซีย เอวิเอชั่น แอนด์ เทคโนโลยี จํากัด และบริษัทแอร์ อินเตอร์ ทรานสปอร์ต จำกัด รวมทั้งเห็นชอบให้ต่อใบอนุญาตฯ ให้ผู้ประกอบการจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย บริษัทเอเชี่ยน แอโรสเปซ เซอร์วิส จํากัด บริษัทแอ๊ก โกลบอล จํากัด บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จํากัด และบริษัทเอ็มเจ็ท จํากัด ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการออกใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือนได้ตรวจสอบคุณสมบัติและพิจารณาให้ความเห็นชอบในเบื้องต้นมาแล้ว