“ศักดิ์สยาม”ร่ายมนตร์ชักชวนนักลงทุนชาวสวิสร่วมลงทุนในไทย มั่นใจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังให้การต้อนรับนายอเล็กซ์ คูเพรชท์ (H.E. Mr. Alex Kuprecht) ประธานวุฒิสภาสมาพันธรัฐสวิส พร้อมด้วยนายเบเนดิกท์ เวือร์ท (Mr. Benedikt WÜrth) วุฒิสมาชิกและว่าที่ประธานคณะกรรมการรัฐสภาสมาคมการค้าเสรียุโรป (European Free TradeAssociation: EFTA) และคณะ ร่วมด้วย นางเฮเลน บุดลีเกอร์ อาร์ทีเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของวุฒิสภา ระหว่างวันที่ 3 – 6 พฤศจิกายน 64

โดยนายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงโอกาสการกระชับความร่วมมือและความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างประเทศไทยและสมาพันธรัฐสวิส ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันครบรอบ 90 ปี ในปีนี้ รวมทั้งหารือถึงบทบาทคมนาคมขนส่งของไทยที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนผ่านความเชื่อมโยงภายในประเทศและระหว่างภูมิภาคเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ในส่วนของโครงการสำคัญที่ทางไทยได้นำมาหารือเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการคมนาคม ร่วมกัน ประกอบด้วย โครงการที่จะดำเนินการในการกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มจังหวัดพื้นที่ EEC ของประเทศไทย โดยการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก รวมทั้งการขยายเส้นทางทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 7 เพื่อเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า  ยังมีการนำเสนอการบูรณาการระหว่างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางรถไฟทั่วประเทศ (Motorway and Railway Master Plan :MR-MAP) โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย – อันดามัน (Landbridge ชุมพร – ระนอง) แผนพัฒนาระบบรางของประเทศไทยทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมณฑล รวมไปถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ 

นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงโอกาสด้านการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการลงทุนและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการพัฒนาระบบคมนาคมระหว่างสองประเทศ ทั้งอุตสาหกรรมระบบราง การพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืน แนวทาง การสร้างอุโมงค์เพื่อลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างเมือง การเชิญชวนนักลงทุนชาวสวิสเซอร์แลนด์มาร่วมลงทุนในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ