“ศักดิ์สยาม”ประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม-มั่นใจส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่ม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะรัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (Mekong-Japan Economic and Industrial Cooperation Initiative: MJ-CI) เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม  ว่า ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ Mekong Industrial Development Vision (MIDV) ระยะที่ 2 (MIDV2.0) ปี 2562 – 2566 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาในอนุภูมิภาคภายใต้ 3 เสาหลัก ได้แก่ 1) การเชื่อมโยง (Connectivity) โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ  และกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม 2) นวัตกรรมเชิงดิจิทัล (Digital Innovation) การยกระดับอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล และ 3) การดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและการพัฒนาอย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ ตนยังได้กล่าวแสดงความชื่นชมประเทศญี่ปุ่นและประเทศ ในลุ่มแม่น้ำโขงในความพยายามเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเชื่อมต่อห่วงโซ่มูลค่าทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างกันไม่ให้ขาดช่วง ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 พร้อมแสดงเจตจำนงของไทยในความพยายามที่จะเชื่อมต่อห่วงโซ่มูลค่ากับประเทศเพื่อนบ้าน และอำนวยความสะดวกการลงทุนของญี่ปุ่น ตามหลักการ Thailand + 1 โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน    เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมอย่างไร้รอยต่อทั้งภายในอนุภูมิภาคและสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งเชิงกายภาพและด้านกฎระเบียบ โดยมุ่งเน้นเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมกับเขตเศรษฐกิจพิเศษตามชายแดนในแนวระเบียงเศรษฐกิจ 

นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะเชื่อมโยงกับระบบการขนส่งในทุกรูปแบบกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟรางคู่และทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันออก-ตะวันตก ตามแผนการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (Motorway-Rail Map: MR Map) รวม 9 เส้นทาง และโครงการสะพานเศรษฐกิจ (Land Bridge) ทางภาคใต้ เชื่อมโยงทะเลฝั่งอ่าวไทยและทะเลฝั่งอันดามัน มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ (Quality Infrastructure)        และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

รวมทั้งมุ่งเน้นเสริมสร้างคุณภาพของประชาชนไทยและแรงงานให้มีความสามารถเชิงดิจิทัลมากขึ้น เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ในการนี้ ได้ขอให้ญี่ปุ่นมีบทบาทนำในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้การนำใช้ IoTs /Smart Devices /Cloud Computing ให้แก่ประเทศสมาชิก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม Champion ของญี่ปุ่นในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง รวมถึงการแสดงเจตจำนงของไทยในความพยายามที่จะขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านแนวนโยบายการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอน เป็นศูนย์ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ เพิ่มการนำใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น