วัดกำลังคลัง-คมนาคม…“อุตตม”มาแรงแซงปาดหน้าได้คุมแผนฟื้นฟูกิจการบินไทย

“อุตตม” กลับคำ “ศักดิ์สยาม” ตกลงกันก่อนลดสัดส่วนการถือหุ้นในการบินไทย ยอมให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้จัดทำแผน และตัดสินใจเลือกฟ้ืนฟูกิจการการบินไทยภายใต้คำส่ังศาลล้มละลายกลาง แต่หลังกระทรวงการคลังลดสัดส่วนถือหุ้นในการบินไทยแล้ว เมื่อพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังดันกลับลำขอใช้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นแต่งตั้งผู้บริหารแผน ที่ปรึกษาการเงิน และที่ปรึกษากฏหมาย พร้อมทำหน้าที่เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือกันระหว่าง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เพื่อร่วมกันจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ภายใต้คำส่ังของศาลล้มละลายกลาง ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในช่วงวันพุธ และวันพฤหัสฯที่ผ่านมา ปรากฏว่ายังคงไม่คืบหน้า โดยการประชุมหารือเกี่ยวกับการสรรหาผู้ร่วมบริหารแผนฟื้นฟู ที่ปรึกษาทางกฏหมาย และที่ปรึกษาทางการเงินไม่เป็นที่ลงตัว เน่ืองจาก ก่อนที่ครม.จะมีมติให้กระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้นในการบินไทยลงนั้น นายอุตตม ได้แจ้งต่อ นายศักดิ์สยามว่า ให้ถือว่า กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าของเรื่อง และดำเนินการในการฟื้นฟูกิจการของการบินไทยทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ต่อมาหลัง มติ ครม. นายอุตตม ยืนกรานว่า หลังการลดสัดส่วนการถือครองหุ้นของกระทรวงการคลังในการบินไทย ดำเนินการเสร็จส้ินแล้ว กระทรวงการคลังจะขอใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 47- 48% เพ่ือแต่งตั้งผู้บริหารแผน ที่ปรึกษากฏหมาย และที่ปรึกษาการเงินเอง โดยกระบวนการบริหารแผนฟ้ืนฟูทั้งหมด กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ดำเนินการเอง และจะแต่งตั้งผู้บริหารแผนจากคณะกรรมการบอร์ดการบินไทยเข้าไปเกือบทั้งหมด ในเบ้ืองต้น ได้แก่ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยศิรินทร์ ประธานบอร์ดการบินไทย นายชาติชาย พหุนาวีชัย นายเทวินท์ วงศ์วานิช นายจรัมพร โชติกเสถียร และวัชรา ตันตริยานนท์ เป็นต้น

ดังนั้น เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน เมื่อวันที่ 21 พ.ค.เจ้าของเร่ืองทั้งสองกระทรวงจึงได้ขอเข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพ่ือให้ชี้ขาดในเรื่องกฏหมาย และหน้าที่ความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง ว่า มติครม.เม่ือวันอังคารที่ 19 พ.ค.กำหนดให้กระทรวงใดเป็นเจ้าของเร่ือง โดยนายศักดิ์สยาม ยังได้ทำหนังสือด่วนถึงกระทรวงการคลัง และสำนักนายกรัฐมนตรีเพ่ือขอคำยืนยันว่า ตามมติครม.เม่ือวันอังคารที่ผ่านมาซ่ึงมีมติให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ขณะเดียวกันก็ ได้แจ้งแก่นายอุตตมว่า ถ้าประสงค์จะเข้ามาทำแผนบริหารเอง โดยเฉพาะเอาบอร์ดการบินไทยทั้งหมดมาเป็นผู้บริหารแผนด้วย จะต้องทำหนังสือถามนายกรัฐมนตรี และครม.ด้วย

นายจุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการการลงทุนกองทุนวายุภักษ์เผยว่า บอร์ดกองทุนวายุภักษ์อนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นในการบินไทยจากกระทรวงการคลังราว 3.17% โดยเสนอให้ รมว.คลังพิจารณาอีกครั้ง ก่อนเข้าสู่กระบวนการซื้อขายตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานก.ล.ต.

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า ได้ให้นายอุตตม และนายศักดิ์สยาม กลับไปคิดกันเองต่อ โดยแนวทางเป็นไปตามกฎหมาย แต่เวลาปฏิบัติจริงขึ้นอยู่กับบอร์ดการบินไทยเท่านั้น ณ วันนี้ นาทีนี้การบินไทยถือว่ายังเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ และรัฐยังควบคุมอยู่ แต่ถ้าหาก กระทรวงการคลังขายหุ้น 3 % ให้กับผู้อื่นไปสัดส่วนลดลงจาก 51 % จะเหลือ 48 % การบินไทยจะพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมจะไปยุ่งเกี่ยวกับการบินไทยไม่ได้แล้ว เพราะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่ายังมีอีก 52%ถ้าเขารวมกันติดเขาก็ใหญ่กว่า มันเป็นเหมือนบริษัทมหาชนธรรมดา

เมื่อถามว่า หากหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ที่ 48 % ไม่จำเป็นที่รัฐจะเข้าไปอุ้มอะไรแล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีอุ้ม หลังกระทรวงการคลังขายหุ้น การบินไทยจะหลุดจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน เหมือนกับ ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และ โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เป็นต้น จากนั้นบอร์ดการบินไทยชุดใหม่ที่เกิดจากสัดส่วนการขายหุ้นของกระทรวงการคลังจะไปจัดการกันเอง เพื่อตัดสินใจเข้าสู่แผนฟื้นฟู และเสนอแผนฟื้นฟู กระทรวงการคลังจะไปชักใยอะไรไม่ได้แล้ว ส่วนการเสนอตัวบุคคลที่จะมาเป็นผู้จัดทำแผน กระทรวงการคลังเสนอชื่อได้ เนื่องจากยังถือหุ้นใหญ่อยู่

เมื่อถามย้ำว่าต้องใช้เวลาอีกนานไหมกว่าจะไปถึงขั้นตอนการได้บุคคลที่จะเข้ามาบริหารแผนฟื้นฟูนายวิษณุ กล่าวว่า ใช้เวลาราว 3 เดือนหรือเร็วกว่านั้น เมื่อเข้าสู่คดีล้มละลายก็เป็นเรื่องระหว่างศาลกับเจ้าหนี้ บางครั้งอาจเป็นลูกหนี้ด้วย เบื้องต้นลูกหนี้ต้องไปจัดทำแผนและนำมาให้เจ้าหนี้ดูว่ายอมรับได้หรือไม่ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับก็ล้ม แต่ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับก็ส่งให้ศาล ถ้าศาลยอมรับก็เดินหน้า แต่ถ้าศาลไม่ยอมรับก็ล้ม อย่างไรก็ตาม นายกฯจะเอารายชื่อผู้จัดทำแผนตามที่บอร์ดการบินไทยใหม่เสนอหรือไม่ เป็นเรื่องที่บอกกระทรวงการคลังไปก็ต้องทำตาม และขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ด้วย