“วอเรน บัฟเฟตต์” ฉลองอายุ 90 ปี ประกาศซื้อหุ้น 5 ยักษ์ญี่ปุ่นมูลค่า 2 แสนล้าน

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน บริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ จำกัด (Berkshire Hathaway) บริษัทการลงทุนของมหาเศรษฐี “วอเรน บัฟเฟตต์” ได้เข้าซื้อหุ้น 5% ใน 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น เป็นมูลค่ารวมกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในการลงทุนข้างนอกสหรัฐอเมริกาครั้งแรกของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในการฉลองครบรอบอายุ 90 ปี เมื่อ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา

สำหรับ 5 บริษัทดังกล่าว ประกอบด้วย บริษัทมารุเบนิอิโตชูมิตซูบิชิมิตซุย และ ซูมิโตโม ซึ่งเป็นบริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ทำธุรกิจหลากหลายครอบคลุมตั้งแต่พลังงานวัตถุดิบการก่อสร้างอาหารค้าปลีกสิ่งทอทรัพยากรกิจการต่อเรือรถยนต์ และอีกมากมาย ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจญี่ปุ่นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา

บัฟเฟตต์ในวัย 90 ปี ระบุในแถลงการณ์ว่า 5 บริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นมีกิจการร่วมค้าอยู่ทั่วโลกจำนวนมากและมีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้น และหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสในการสร้างผลประโยชน์ร่วมกับเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์มากขึ้น

แถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้น 5 บริษัทดังกล่าวในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จนปัจจุบันกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นในแต่ละบริษัทประมาณ 5% พร้อมทั้งระบุว่า การลงทุนในประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว และบริษัทยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นขึ้นเป็น 9.99% หากสามารถเข้าซื้อหุ้นได้ในราคาที่เหมาะสม หรืออาจจะมากกว่านั้น หากได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท

รอยเตอร์ส ประเมินว่าการลงทุนใน 5 บริษัทยักษ์ญี่ปุ่นของเบิร์กเชียร์ คิดเป็นเม็ดเงินราว 700 พันล้านเยน (6.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.93 แสนล้านบาทซึ่งจะช่วยให้บริษัทลงทุนของวอเรน บัฟเฟตต์ ลดการพึ่งพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งในไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา หดตัวลงมากที่สุดในรอบ 73 ปี จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในเครือหดตัวลง โดยเฉพาะบริษัทชิ้นส่วนเครื่องบินพรีซิชั่น คาสท์พาร์ทส์ (Precision Castparts) ที่มีมูลค่าลดลงถึง 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การเลือกเข้าไปลงทุนในญี่ปุ่นเวลานี้ของ “วอเรน บัฟเฟตต์” ทำให้นักลงทุนต่างประหลาดใจ เพราะไม่ได้เป็นจุดสนใจสำหรับการลงทุนตั้งแต่ปัญหากัมมันตรังสี จนถึงราคาทรัพยากรที่ไม่แน่นอน “โนริฮิโร ฟูจิโต” หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ มอร์แกน สแตนเลย์กล่าวว่า “จากราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า อาจเป็นตัวล่อใจการลงทุน แต่นี่ก็ไม่ใช่สไตล์ของบัฟเฟตต์ที่ซื้อทั้ง 5 บริษัท แทนที่จะเลือกแค่ไม่กี่บริษัท

รายงานข่าวระบุว่า จาก 5 บริษัทดังกล่าว “อิโตชู” เป็นบริษัทเดียวที่หุ้นมีการซื้อขายสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี ส่วนอีก 4 บริษัทที่เหลือมีมูลค่าราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ทำให้นักลงทุนเน้นคุณค่า (วีไออย่างบัฟเฟตต์สนใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้หลาย  บริษัทมีเงินสดจำนวนมหาศาล จึงสร้างความน่าสนใจให้กับการลงทุน ซึ่งจากข้อมูลของรีฟินิทิฟ” ระบุว่ามิตซูบิชิ เป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดเติบโตอย่างมั่นคงตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

มาซาฮิโร โอคะฟูจิ ประธานบริษัทอิโตชู กล่าวในอีเมล์ที่แสดงความยินดีที่บัฟเฟตต์สนใจเข้ามาลงทุนบริษัทเทรดดิ้งของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่นักลงทุนโลกไม่ให้ความสนใจ ดังนั้นการเข้ามาลงทุนของบัฟเฟตต์ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยฟื้นภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น

โดย  วันที่ 30 มิ.. 2563 เบิร์กเชียร์มีการลงทุนในธุรกิจถึง 90 บริษัท อาทิ บริษัทรางรถไฟบีเอ็นเอสเอฟ และบริษัทประกันภัยรถยนต์ไกโค (Geico) นอกจากนี้ได้ลงทุนกับบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส บริษัทแบงก์ออฟอเมริกา บริษัทโคคาโคล่า และถือหุ้นบริษัทแอปเปิลอยู่ 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น