วอล์มาร์ต ค้าปลีกสหรัฐฯ เลิกบังคับพนักงาน 1.6 ล้านคนและลูกค้าใส่แมสก์เข้าห้างหลังฉีดวัคซีน ขณะที่บางแห่งระบุเข้าใช้บริการได้เลยไม่ต้องมีหลักฐานการฉีด

วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า “วอลมาร์ต” เครือข่ายค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ออกนโยบายใหม่เมื่อวันศุกร์ให้พนักงานและลูกค้าเลิกสวมใส่หน้ากากอนามัยสำหรับคนที่ได้รับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ครบโดสแล้วเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมเป็นต้นไป

มีผลบังคับใช้กับพนักงานกว่า 1.6 ล้านคนและลูกค้าสำหรับการเข้าไปทำงานและซื้อสินค้าในห้างวอลมาร์ตและในแวร์เฮ้าส์นอกเขตเทศบาล 

ก่อนหน้านี้วันพฤหัส ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำให้ชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยต่อไป

นอกจากนี้กลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกอื่นๆ กำลังทบทวนข้อกำหนดสำหรับแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยและคำแนะนำล่าสุด โดยบางแห่งถึงกับระบุว่า ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ไม่ใส่หน้ากาก โฆษกของ Trader Joe’s โพสต์ลงบน Twitter ว่าสนับสนันให้ลูกค้าปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

ด้านบริษัทครอกเกอร์ซึ่งเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกล่าวว่าจะยังคงต้องใช้มาตรการสวมใส่หน้ากากอนามัยและกระตุ้นให้รักษาระยะห่าง และกำลังขอความคิดเห็นจากพนักงานในขณะที่ทบทวนแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัย

ทางด้าน Costco ศูนย์ค้าส่งได้เปลี่ยนนโยบายการเลิกสวมใส่หน้ากากเข้างห้างเช่นกัน

ส่วนบรรดาผู้ผลิตรถยนต์เช่นค่ายจีเอ็มและโตโยต้า ยังยึดมั่นในนโยบายเดิมอยู่ที่และรอคำแนะนำจากหน่วยงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยซึ่งรับผิดชอบดูแลสถานที่ทำงานอยู่ก่อน

เช่นเดียวกับ Nordstrom เครือข่ายห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ​ ยังคงปฏิบัติตามคำแนะนำของ CDC ให้สวมใส่หน้ากาก บริษัทยังไม่รีบเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด และยังติดตามอยู่จนกว่า CDC ระบุว่าไม่จะเป็นจึงจะทำตามความเหมาะสมต่อไป 

ที่มา- https://www.wsj.com/articles/u-s-businesses-arent-budging-on-face-masks-for-now-11621013596